สำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ
Responsive image

รายงานข่าว ความคืบหน้าผลการสอบสวนและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กรณีผู้ต้องขังชายที่อยู่ระหว่างกักกันก่อนเข้าแดนปกติในเรือนจำ ประจำวันที่ 7 กันยายน 2563

          วันนี้ (7 กันยายน 2563) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานความคืบหน้าผลการสอบสวนและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กรณีผู้ต้องขังชายที่อยู่ระหว่างกักกันก่อนเข้าแดนปกติในเรือนจำ ตรวจพบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด 19 ในวันที่ 3 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา

ผลการดำเนินงาน

      ทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรคของกรมควบคุมโรค หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่สอบสวนโรคเพื่อค้นหาและติดตามตัวผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ต้องขังชายที่อยู่ระหว่างกักกันก่อนเข้าแดนปกติในเรือนจำทันที เพื่อเก็บตัวอย่างส่งตรวจหาเชื้อก่อโรคโควิด 19 ด้วยวิธี RT-PCR

วันที่ 7 กันยายน 2563

     1. บุคคลในครอบครัว มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 6 คน (ภรรยา ลูก 2 คน น้องภรรยา พ่อตา แม่ยาย) ผู้สัมผัสใกล้ชิดรายอื่น 6 คน รวม 12 คน ผลการตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการพบว่า ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด 19  

     2. ผู้ที่พักอาศัยในคอนโด มีผู้สัมผัส รวม 137 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำทั้งหมด ผลการตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการพบว่า ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด 19

     3. ศาลอาญา มีผู้สัมผัส รวม 492 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 14 คน ได้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว 13 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด 19  อีก 1 คน นัดหมายตรวจวันที่ 8 ก.ย. 63  และมีผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 478 คน ได้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว 146 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด 19  อีก 332 คน อยู่ในสถานที่กักกันเฝ้าระวังอาการ 14 วัน

     4. โรงพยาบาลราชทัณฑ์ มีผู้สัมผัส รวม 6 คน ทั้งหมดเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ และอยู่ในสถานที่กักกันเฝ้าระวังอาการ 14 วัน

     5. ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง มีผู้สัมผัส รวม 111 คน แบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ 76 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 24 คน ทั้งหมดนัดเก็บตัวอย่างครั้งแรกวันที่ 8 ก.ย. 63 ครั้งที่ 2 วันที่ 16 ก.ย. 63  ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 52 คน ทั้งหมดอยู่ในสถานที่กักกันเฝ้าระวังอาการ 14 วัน  และแบ่งเป็นผู้ต้องขัง 35 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งหมด ได้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการครั้งที่ 1 แล้ว 34 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด 19 ส่วนอีก 1 คน นัดหมายตรวจอีก 2 ครั้ง ในวันที่ 8 และ 16 ก.ย. 63

     6. เรือนจำพิเศษกรุงเทพ มีผู้สัมผัส รวม 8 คน (ผู้ต้องขังรถคันเดียวกัน) เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งหมด ได้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด 19 และนัดหมายตรวจอีก 1 ครั้ง ในวันที่ 8 ก.ย. 63

     7. ร้านอาหารพระราม 3 มีผู้สัมผัส รวม 34 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 4 คน ได้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด 19 และเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 14 คน ได้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด 19 ส่วนอีก 16 คน อยู่ระหว่างการตรวจสอบ

     8. ร้านอาหารพระราม 5 มีผู้สัมผัส รวม 60 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 25 คน ได้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด 19 และเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 35 คน ทั้งหมดอยู่ในสถานที่กักกันเฝ้าระวังอาการ 14 วัน

     9. ร้านอาหารที่ถนนข้าวสาร มีผู้สัมผัส รวม 15 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 2 คน ได้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด 19 และเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 13 คน ได้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด 19

     10. ถนนข้าวสาร มีผู้สัมผัสเป็นพนักงานร้านอาหารและร้านค้า รวม 112 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำทั้งหมด ได้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด 19

     11. สถานศึกษาย่านประชาอุทิศ มีผู้สัมผัส รวม 3 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำทั้งหมด และอยู่ในสถานที่กักกันเฝ้าระวังอาการ 14 วัน

     12. ห้างสรรพสินค้าย่านสุขสวัสดิ์ อยู่ระหว่างการลงพื้นที่ติดตาม

สรุปผลการค้นหาผู้สัมผัสรวม 990 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 118 คน ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 856 คน อยู่ระหว่างการตรวจสอบอีก 16 คน ซึ่งเป็นผู้ที่ลงทะเบียนทางแอปพลิเคชั่น BKK COVID ของ กทม. และส่งตรวจ 520 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด 19 

คำแนะนำสำหรับประชาชน

     กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังคงดำเนินการตามขั้นตอนการสอบสวนและมาตรการป้องกันโรคของกระทรวงสาธารณสุขอย่างต่อเนื่องจนครบกระบวนการ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนชาวไทย จึงขอให้ทุกคนมั่นใจในมาตรฐานการป้องกันควบคุมโรคของประเทศไทยที่มีระบบเข้มแข็ง และขอให้ประชาชนยังคงดูแลป้องกันตนเอง ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่องเช่นเดิม “สวมหน้ากาก ล้างมือ แยกของใช้ เว้นระยะห่าง ลดแออัด” สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

******************************

7 กันยายน 2563


ข่าวสารอื่นๆ