สำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ
Responsive image

กรมควบคุมโรค มอบหมายหน่วยงานในสังกัด ลงพื้นที่เฝ้าระวังผลกระทบสุขภาพกรณีก๊าซธรรมชาติรั่วและเกิดเพลิงไหม้ใน จ.สมุทรปราการ

          กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โดยกองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม และสคร.6 จ.ชลบุรี ติดตามกรณีก๊าซธรรมชาติรั่วและเกิดเพลิงไหม้ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ และลงพื้นที่สอบสวนโรคและตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ พร้อมแนะนำประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุ หากมีอาการหายใจติดขัด ปวดศีรษะ วิงเวียน ขอให้ไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาต่อไป

           วันนี้ (22 ตุลาคม 2563) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวว่ามีก๊าซธรรมชาติรั่วและเกิดเพลิงไหม้ในพื้นที่อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ นั้น กรมควบคุมโรค ขอให้ข้อมูลว่า หลังจากได้รับรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว ได้มอบหมายให้กองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จังหวัดชลบุรี (สคร.6 จ.ชลบุรี) ซึ่งดูแลพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ติดตามและประสานงานกรณีดังกล่าวกับหน่วยงานในพื้นที่อย่างใกล้ชิด  

           ในวันพรุ่งนี้ (23 ต.ค. 63) กองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม และ สคร.6 จ.ชลบุรี ได้ส่งทีมลงพื้นที่เฝ้าระวังผลกระทบสุขภาพ สอบสวนโรคและตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม สนับสนุนอุปกรณ์ในการป้องกัน  พร้อมทั้งให้ความรู้และคำแนะนำในการป้องกันตนเองแก่ประชาชน ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ต่อไป  ทั้งนี้ ในเบื้องต้นทางกองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม ได้สนับสนุนอุปกรณ์ในการป้องกันตนเอง (หน้ากาก N 95 คาร์บอน) จำนวน 500 ชิ้น แก่หน่วยงานในพื้นที่  หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ประชาชนทราบต่อไป

           ทั้งนี้ ก๊าซธรรมชาติ (NGV) นั้น เมื่อเกิดการรั่วไหล หากสูดดมหรือหายใจเข้าไปสะสมในปริมาณมาก จะก่อให้เกิดอาการหายใจติดขัดอย่างรุนแรง ปวดศีรษะ วิงเวียน และอาจหมดสติได้ และหากสัมผัสถูกตาอาจก่อให้เกิดการระคายเคือง ทั้งนี้ NGV เบากว่าอากาศจึงไม่มีการสะสมเมื่อเกิดการรั่วไหล แต่หากเกิดการติดไฟจะเป็นอันตรายมาก ซึ่งองค์ประกอบการติดไฟต้องมี 3 อย่างคือ เชื้อเพลิง ประกายไฟ และอากาศ หากทั้ง 3 อย่างนี้ผสมกันพอดีก็จะเกิดเพลิงไหม้ และถ้าไหม้ในที่อับอากาศก็จะเกิดเสียงดังขึ้น หรือที่เรียกว่าระเบิดนั่นเอง

           นายแพทย์โอภาส แนะนำว่าประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุดังกล่าว หากตนเองหรือคนในครอบครัวมีอาการหายใจติดขัด ปวดศีรษะ วิงเวียน หรืออาการต่างๆ ที่สงสัยว่าได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเฉพาะในช่วง 1 สัปดาห์นี้ (22-28 ต.ค. 63) ขอให้ไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาต่อไป  ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนช่วยกันดูแลเฝ้าระวังสังเกตในพื้นที่ที่มีแนวท่อก๊าซ หากมีเหตุการณ์ผิดปกติ ขอให้แจ้งพนักงานในโรงงาน ผู้นำชุมชน หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินการระงับเหตุดังกล่าวให้เร็วที่สุด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

      ****************************************
ข้อมูลจาก: กองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค
วันที่ 22 ตุลาคม 2563


ข่าวสารอื่นๆ