สำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ
Responsive image

กรมควบคุมโรค แนะสถานศึกษาคัดกรองและสังเกตอาการเด็กก่อนเข้าเรียน อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง เพื่อป้องกันโรคมือ เท้า ปาก และโรคโควิด 19

          กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แนะสถานศึกษาคัดกรองและสังเกตอาการเด็กก่อนเข้าเรียนอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง เพื่อป้องกันโรคมือ เท้า ปาก และโรคโควิด 19 หากพบเด็กป่วยให้รีบแยกออกจากเด็กปกติและแจ้งให้ผู้ปกครองรับกลับบ้าน เพื่อพาไปพบแพทย์โดยเร็ว

          วันนี้ (11 มีนาคม 2564) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงนี้สถานศึกษาเปิดการเรียนการสอนตามปกติ อาจมีการทำกิจกรรมรวมกันเป็นกลุ่มมีโอกาสใกล้ชิดกัน ทำให้เสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ง่าย สิ่งที่ครูและผู้ปกครองควรระมัดระวังเป็นพิเศษนอกจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) แล้ว ยังมีโรคมือ เท้า ปาก ที่ต้องระวังเช่นกัน สำหรับสถานการณ์ของโรคมือ เท้า ปาก ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-8 มีนาคม 2564 พบผู้ป่วยแล้ว 6,662 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต จังหวัด   ที่มีผู้ป่วยสูงสุด 5 อันดับแรก คือ พะเยา เชียงราย แพร่ น่าน และเชียงใหม่ ตามลำดับ กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด คือ เด็กแรกเกิด-4 ปี รองลงมา 5 ปี แ ละ 7-9 ปี ตามลำดับ ส่วนผู้ป่วยโควิด 19 ในประเทศไทย พบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอายุ 20-29 ปี รองลงมา 30-39 ปี และ 40-49 ปี ตามลำดับ ถึงแม้ว่าจำนวนผู้ป่วยยืนยันโควิด 19 ที่อยู่ในวัยเรียนจะพบน้อยกว่าวัยผู้ใหญ่หรือวัยทำงาน และยังไม่พบเหตุการณ์การระบาดในสถานศึกษาก็ตาม แต่ในกลุ่มเด็กเล็กและเด็กวัยเรียน ผู้ปกครองและครูต้องดูแลและสังเกตอาการเป็นพิเศษ เพราะเด็กอาจป่วยและไม่สามารถบอกอาการเองได้

          โรคมือ เท้า ปาก เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ซึ่งเชื้อไวรัสจะติดมากับมือหรือของเล่นที่เปื้อนน้ำมูก น้ำลาย น้ำจากแผลตุ่มพองหรืออุจจาระของผู้ป่วย หรือติดต่อจากการไอ จาม รดกัน หลังได้รับเชื้อจะมีอาการไข้ต่ำๆ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ต่อมา 1-2 วัน มีอาการเจ็บปาก ร่วมกับมีตุ่มพองเล็กๆ บริเวณฝ่ามือฝ่าเท้า ตุ่มแผลในปาก เพดานอ่อน กระพุ้งแก้ม ลิ้น และจะแตกออกเป็นแผลหลุมตื้นๆ หากอาการไม่ดีขึ้น เช่น มีไข้ขึ้นสูง ซึมลง เดินเซ ชักเกร็ง หายใจหอบเหนื่อย อาเจียนมาก ต้องรีบไปพบแพทย์ทันทีเพราะอาจติดเชื้อโรคมือ เท้า ปากชนิดรุนแรง อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

         นายแพทย์โอภาส กล่าวเน้นย้ำผู้ปกครองสังเกตอาการของเด็กก่อนมาสถานศึกษา หากบุตรหลาน มีอาการผิดปกติหรือมีไข้ควรให้พักอยู่ที่บ้านและพาไปพบแพทย์ ส่วนสถานศึกษาขอให้เคร่งครัดมาตรการคัดกรองและสังเกตอาการเด็กร่วมกับมาตรการป้องกันโรคโควิด 19 ก่อนเข้าเรียนทุกเช้าอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง และขอแนะนำวิธีป้องกันโรคมือ เท้า ปาก โดยให้เด็กและบุคลากรในสถานศึกษาสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย 100% หมั่นทำความสะอาดพื้นที่ที่เด็กใช้ร่วมกัน ของใช้ ของเล่นเด็กเป็นประจำ รวมทั้งพื้นที่ที่เด็กทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อลดเชื้อโรคที่อยู่ในสิ่งแวดล้อม หมั่นให้เด็กล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจล ทั้งก่อนและหลังรับประทานอาหารหรือเข้าห้องน้ำและหลังเล่นของเล่น เพื่อลดเชื้อสะสมบนมือและลดการแพร่เชื้อ  สู่ผู้อื่น และจัดให้มีพื้นที่ในการเข้าแถวทำกิจกรรม หรือเล่นเป็นกลุ่มย่อย โดยมีการเว้นระยะห่างระหว่างกันอย่างน้อย 1-2 เมตร ซึ่งจะสามารถป้องกันทั้งโรคมือ เท้า ปาก และโรคโควิด 19 ได้

         ทั้งนี้ หากพบเด็กป่วย ขอให้รีบแยกออกจากเด็กปกติและแจ้งให้ผู้ปกครองรับกลับบ้าน เพื่อพาไปพบแพทย์โดยเร็ว และให้หยุดเรียนจนกว่าจะหายดี แยกของใช้ส่วนตัวของเด็กป่วยออกจากเด็กปกติ หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับเด็กคนอื่นๆ งดไปในที่ชุมชนหรือสถานที่แออัด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422 

********************

ข้อมูลจาก : กองโรคติดต่อทั่วไป/สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค

วันที่ 11 มีนาคม 2564


ข่าวสารอื่นๆ