สำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ
Responsive image

กรมควบคุมโรค เตือนประชาชนป้องกันตนเอง ฝุ่น PM2.5 สูง ทำร่างกายอักเสบเกิดความผิดปกติในระบบต่างๆ

          กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตือนประชาชนเตรียมรับมือ ปริมาณฝุ่น PM2.5 สูง เมื่อเข้าสู่ร่างกาย ในปริมาณมากอาจทำร่างกายอักเสบส่งผลให้เกิดความผิดปกติในระบบต่างๆ แนะติดตามข่าวสภาพอากาศ และมลภาวะจากแอปพลิเคชัน Air4thai งดกิจกรรมที่ทำให้เกิดฝุ่น สวมหน้ากากป้องกันตนเองก่อนออกจากบ้าน

          วันนี้ (26 มกราคม 2565) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงที่อากาศหนาว มีความกดอากาศปกคลุมพื้นที่ กั้นฝุ่นไว้ไม่ให้ลอยตัวสูงขึ้น ฝุ่นควันจึงถูกกักสะสมเป็นปริมาณมากในพื้นที่ ศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในบางพื้นที่ยังต้องเฝ้าระวังคุณภาพอากาศที่อาจมีผลต่อสุขภาพ

          เมื่อเรารับสัมผัสฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) เข้าสู่ร่างกายทางระบบหายใจ เนื่องจากขนาดของฝุ่น PM2.5 เล็กมากสามารถลงไปถึงถุงลมปอดและอาจมีบางส่วนที่สามารถผ่านเข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิตได้ โดยทั่วไปร่างกายของมนุษย์จะรับรู้ได้ว่า ฝุ่น PM2.5 เป็นสิ่งแปลกปลอมของร่างกาย และจะก่อสารที่ทำให้เกิดการอักเสบ (Inflammation) รวมถึงอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นพิษต่อร่างกายขึ้น ส่งผลให้เกิดความผิดปกติของระบบต่างๆ ได้แก่ ระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบประสาทและสมอง

          อย่างไรก็ตามความเสี่ยงต่อการเกิดผลกระทบต่อสุขภาพจะสูงขึ้น ในบุคคลบางกลุ่ม ได้แก่ เด็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่ทำงานหรือทำกิจกรรมในที่โล่งแจ้ง ซึ่งเสี่ยงต่อการสัมผัสมลพิษ ทางอากาศ เช่น ตำรวจจราจร พนักงานทำความสะอาดถนน คนขับรถรับจ้างประเภทสามล้อเครื่อง คนขับรถจักรยานยนต์ และ แม่ค้าหาบเร่แผงลอย เป็นต้น จึงขอแนะนำประชาชนให้ปฏิบัติตน ดังนี้

           1) ติดตามรายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศในพื้นที่จากข้อมูลค่าตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษ ทางเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน Air4thai เลี่ยงกิจกรรมบางชนิดในพื้นที่เสี่ยง เมื่อพบว่ามีค่าฝุ่นสูงในระดับสีส้มหรือสีแดง (มีปริมาณ PM2.5 มากกว่า 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร)  2) ควรงดกิจกรรมที่ทำให้เกิดฝุ่น ลดการเผากลางแจ้ง หรือการเผาขยะ ปิดประตู ปิดหน้าต่าง ทำความสะอาดจุดต่างๆ    ในบ้านด้วยผ้าชุบน้ำแทนการกวาดและเปิดพัดลมให้ระบายอากาศ หมั่นเช็คสภาพรถ ตรวจควันดำ เปิดระบบหมุนเวียนอากาศในรถ หรือใช้บริการรถโดยสารสาธารณะมากขึ้น  3) สวมหน้ากากป้องกันให้แนบกระชับใบหน้า โดยใส่หน้ากากทิชชู่ 1 แผ่นพับครึ่งสอดไว้ใต้หน้ากากเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกัน และหากต้องออก   จากบ้านในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นสูง ควรเลือกหน้ากากกรองอากาศ ชนิด N95 ที่สามารถป้องกัน ฝุ่นขนาดเล็ก PM10 และ PM 2.5 แก๊สไอระเหยต่างๆ ได้ เพื่อป้องกันตนเอง  4) เลือกทานอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระ ดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย

          ดังนั้น ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสภาพอากาศและมลภาวะก่อนออกจากบ้าน หลีกเลี่ยงการปฏิบัติงานติดต่อกันเป็นเวลานานในพื้นที่ที่สถานการณ์คุณภาพอากาศอยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบ ต่อสุขภาพ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแจ้งและหากมีอาการไอ หายใจลำบาก เคืองตา ควรลดกิจกรรมกลางแจ้ง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

 

*************************

ข้อมูลจาก : กองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม/สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค

วันที่ 26 มกราคม 2565


ข่าวสารอื่นๆ