เรื่องจริงนะวิ! มติที่ประชุมครม. เห็นชอบ
“ร่างแนวทางอาเซียนการให้คำปรึกษา และตรวจ HIV ในสถานประกอบการ”
จากที่ประชุม คณะรัฐมนตรี ครม. (24 ตุลาคม 2565) มีมติเห็นชอบ ร่างแนวทางอาเซียนว่าด้วยการให้คำปรึกษาและการตรวจหาเชื้อเอชไอวีในสถานประกอบการ และร่างแผนงานคณะกรรมการตรวจแรงงานอาเซียน พ.ศ. 2565 – 2573 (ร่างแผนงานฯ) เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนและแผนการดำเนินงานของโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ ทั้งนี้ ใช้เป็นแนวทางสำหรับการป้องกันและบริหารจัดการการติดเชื้อเอชไอวี ในสถานประกอบการในภูมิภาคอาเซียนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันมากยิ่งขึ้น โดยให้ประเทศสมาชิกอาเซียนนำไปปรับใช้ร่วมกับนโยบายและกฎหมายของแต่ละประเทศ
สาระสำคัญจำแนกเป็น 4 ประเด็น คือ
1.การพัฒนาสมรรถนะหลักของพนักงานตรวจแรงงาน
2.การเสริมสร้างความเข้มแข็งในการตรวจแรงงานในภาคส่วนที่เข้าถึงยาก (เช่น การเกษตร ประมง เหมืองแร่ งานบ้าน) และระบบแบบส่งต่อเพื่อป้องกันการใช้แรงงานบังคับและแรงงานเด็ก รวมถึงการตรวจแรงงานร่วมกับทีมสหวิชาชีพเพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาแรงงานบังคับและการค้ามนุษย์
3.การเสริมสร้างความแข็งแกร่งการตรวจแรงงานนอกระบบและ SMEs
4.การเสริมสร้างความเข้มแข็งในการตรวจแรงงานของการทำงานในอนาคต รวมถึงการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล
อีกประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ คือ การให้คำปรึกษาและตรวจหาเชื้อเอชไอวีในสถานประกอบการ สร้างความรู้ที่ถูกต้อง และการตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อเอชไอวีโดยความสมัครใจ รวมทั้งประเมินความเสี่ยงทางพฤติกรรมและอาชีพ ซึ่งหากผลตรวจพบว่ามีเชื้อเอชไอวี ก็จะได้รับคำปรึกษาหลังการตรวจ นำไปสู่การเข้ารักษาด้วยยาต้านไวรัสโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดการตีตราและเลือกปฏิบัติ นอกจากนี้ยังมีการตรวจซ้ำอย่างน้อยปีละครั้งในกลุ่มเสี่ยงด้วย หลังจากนั้นที่ประชุมได้อนุมัติให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานลงนามในหนังสือถึงสำนักเลขาธิการอาเซียนเพื่อรับรองร่างเอกสารทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการยุติปัญหาเอดส์ ภายในปี 2573
ที่มา https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/60839
Tips for you
การตรวจหาเชื้อเอชไอวีในสถานประกอบการ มีหลักสำคัญตามหลักสิทธิมนุษยชน คือ
1. คุ้มครองสิทธิแรงงาน ไม่เลือกปฏิบัติ เป็นการกระทำโดยสมัครใจ โดยก่อนตรวจหาเชื้อเอชไอวี แรงงานจะต้องได้รับข้อมูลที่เพียงพอและให้ความยินยอม
2. ข้อมูลการปรึกษาและการตรวจหาเชื้อเอชไอวีจะต้องถูกเก็บรักษาเป็นความลับ
3. มีการให้คำปรึกษาหลังการตรวจหาเชื้อเอชไอวี เพื่อช่วยให้แรงงานหรือครอบครัวที่กำลังมีความเสี่ยงเข้าใจและปรับตัวได้