สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง
Responsive image

สปคม.ชวนปรับแนวคิดจากWork-Life Balance เข้าสู่ Work-Life Flow ลดความเร่งรีบ สร้างสุขภาพคนเมือง

...เคน นครินทร์ เล่าถึงแนวคิดที่เรียกว่า Work-Life Flow (วิธีการเต้นรำไปกับชีวิตและงาน) ทุกอย่างจะดูเป็นจังหวะเดียวกัน ลื่นไหล ผ่อนคลาย ไม่จำเป็นต้องแบ่งเวลาชัดเจน เพื่อทดแทนแนวคิดเดิมคือWork-Life Balance ซึ่งไม่เหมาะกับวิถีชีวิตปัจจุบันที่เร่งรีบ โดยเฉพาะคนเมือง

...หลายคนพยายามบริหารเวลาให้เรื่องอื่นๆ นอกเหนือจากการทำงาน แต่ทันทีที่กลับบ้านก็ยังอดไม่ได้ที่จะต้องสะสางงานให้เสร็จ ชีวิตมีแต่เรื่องงานจนขาดสมดุล ถึงขั้นหมดไฟในการทำงานในที่สุด

แนวความคิดที่มีต่อ Work-Life Balance มี 3 ประเด็น คือ…

1.Work-Life Balance เป็นแค่ ‘ภาพลวงตา’ : งาน’ กับ ‘ชีวิตส่วนตัว’ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถแยกขาดออกจากกันได้ เพราะ ‘งาน’ เป็นซับเซตหนึ่งของ ‘ชีวิต’ นั่นเท่ากับว่าในวงกลมวงใหญ่ที่สุดที่เรียกว่า ‘ชีวิต’ มีงานเป็นส่วนประกอบอยู่ในนั้น รวมถึงยังมีวงกลมย่อยๆ อีกมากมาย ทั้งเรื่องครอบครัว คนรัก การดูแลสุขภาพ ทุกวงไม่มีวงไหนแยกออกจากกัน ดังนั้นการปิดสวิตช์เรื่องงานจึงเป็นเรื่องทำได้ยาก เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตอยู่แล้ว

2.เกิดวงจรอุบาทว์ : การกำหนดเวลา จะทำให้เกิด วงจรอุบาทว์ ขึ้น การแบ่งเวลาออกเป็นช่วงๆ อย่างชัดเจนว่าต้องทำอะไร อาจทำให้รู้สึกเหนื่อย ยากที่จะเกิดความคิดสร้างสรรค์ เพราะผลงานที่ได้จาก Performance มักเกิดจากการใช้ชีวิตที่ลื่นไหล พร้อมปรับเปลี่ยนตามจังหวะชีวิต

3.ชั่วโมงการทำงานไม่มีผล : บางวันออกจากที่ทำงานเร็ว แต่ก็ยังรู้สึกเหนื่อยมาก ในขณะที่บางวันทำงานดึกดื่น แต่ก็ยังรู้สึกมีพลัง ดังนั้นชั่วโมงการทำงานไม่ใช่เครื่องการันตีผลงานที่จะทำ การจัด Flow ของแต่ละคนแตกต่างกัน แล้วแต่บุคลิกภาพว่าใครเหมาะกับงานแบบไหน ทุกวันนี้คือการจัดสรรพลังงานของชีวิตตัวเอง และปรับเวลาให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น สิ่งนี้เรียกว่า Flow

เทคนิค Work-Life Flow...

ข้อที่ 1 เลิกคิดว่าเราทำงานกี่ชั่วโมง แต่ให้ Focus ว่า Flow งานวันนี้เป็นอย่างไร อย่าจำกัดเวลากับสถานที่มากเกินไป

ข้อที่ 2 หาบริษัทหรือหน่วยงาน ที่ตอบโจทย์เป้าหมายของชีวิต

ข้อที่ 3 เซตชั่วโมงแรกของวัน สร้างกิจวัตรประจำวันในตอนเช้า ให้ลองออกแบบกิจกรรมชีวิตตอนเช้า สัก 1 ชั่วโมง เช่น ออกกำลังกาย / นั่งสมาธิ / อ่านข่าว / เล่นกับสุนัข

ข้อที่ 4 ให้เวลาตัวเองในตอนที่คุณต้องการออกแบบอะไรบางอย่างโดยขึ้นอยู่กับความต้องการของตัวเอง มากกว่าการคำนึงถึงความต้องการอื่นที่สังคมบอกว่าดี แบ่งเวลาให้งานอดิเรกมากขึ้น ชีวิตจะได้ไม่แห้งเหี่ยว เช่น คุณหมอบางคนไปวาดรูป / นักเขียนบางคนไปแต่งเพลง

ข้อที่ 5 พยายามทำความเข้าใจว่า ไม่มีอะไรเป็นไปตามแผน 100%

ข้อที่ 6 พยายามหาตัวแทนในการทำงานของคุณ สิ่งสำคัญคือการออกแบบการทำงานในชีวิตของคุณ ให้ตรงตามธรรมชาติของงาน เช่น หาคนมา Stand by ทำงานต่อจากตนเองในช่วงเวลาพักการทำงานของเรา และเรียงลำดับความสำคัญว่างานใดมีตัวตายตัวแทนได้หรือไม่ได้ เช่น การเป็นพ่อ เป็นแม่ การไปออกกำลังกายด้วยตัวเอง ไม่มีใครทำแทนได้ และเราต้องให้ความสำคัญเลือกทำและให้คุณค่าในสิ่งที่สำคัญก่อน

ข้อที่ 7 หางานที่รู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ให้เหมือนหาเนื้อคู่ หรือคนรัก

** ในปัจจุบัน ควรใช้ชีวิตเหมือนกับการเต้นรำกับคนที่คุณรักในจังหวะเพลงที่คุณคิดว่ามันเหมาะสมที่สุด เพลงที่เต้นรำแต่ละเพลงอาจจะควบคุมไม่ได้ว่าเพลงอะไรจะขึ้น แต่คุณต้องพร้อมรับมัน สิ่งที่คุณทำได้คือกอดคนที่คุณรัก แล้วเต้นรำพร้อมกับจังหวะที่ลื่นไหลมากที่สุด เมื่อไรที่คุณสามารถทำได้ เมื่อนั้นคุณจะพบกับความงดงามของชีวิต - work ให้ smart ไม่ใช่ work hard

Cr: https://thestandard.co/podcast/thesecretsauce164/
_________________________________

ดาวน์โหลดเอกสารเพิ่มเติม : เอกสาร

ข่าวสารอื่นๆ