สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 นครศรีธรรมราช
Responsive image

สคร.11 ร่วมรณรงค์วันไข้เลือดออกอาเซียน แนะยึดมาตรการ 3 เก็บ หยุดภัยไข้เลือดออก

วันที่ 15 มิถุนายน ของทุกปี เป็นวัน ASEAN Dengue Day หรือวันไข้เลือดออกอาเซียน ในปี 2565 (ASEAN Dengue Day 2022) ภายใต้ประเด็นรณรงค์ คือ "นวัตกรรมก้าวไกล ร่วมหยุดภัยไข้เลือดออก" แนะยึดมาตรการ

3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค

แพทย์หญิงศิริลักษณ์ ไทยเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ปัญหาโรคไข้เลือดออก ถือว่าเป็นปัญหาสาธารณสุขในกลุ่มประเทศอาเซียน เนื่องจากประเทศอยู่ในภูมิภาคเขตร้อนชื้นโดยพบผู้ป่วยแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 200,000 ราย จึงมีมติร่วมกัน กำหนดให้ทุกวันที่ 15 มิถุนายนของทุกปี เป็น "วันไข้เลือดออกอาเซียน" ( ASEAN Dengue Day) เพื่อร่วมมือรณรงค์ไปด้วยกัน สำหรับประเทศไทย คาดว่าในช่วงนี้มีโอกาสพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเพิ่มขึ้นทุกภาคทั่วประเทศ เนื่องจากมีฝนตกในหลายพื้นที่ ทำให้เกิดน้ำขังตามภาชนะและวัสดุต่างๆ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของลูกน้ำยุงลาย ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคไข้เลือดออก โดยส่วนใหญ่กลุ่มผู้ป่วยที่พบในช่วงนี้เป็นเด็กวัยเรียน แต่ผู้ที่ติดเชื้อโรคไข้เลือดออกและเสี่ยงต่อการเสียชีวิตคือ กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง และกลุ่มผู้ที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ ซึ่งจากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์โรคไข้เลือดออกในปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 8 มิ.ย 2565 พบผู้ป่วยจำนวน 3,386 ราย เสียชีวิตแล้ว 3 ราย

แพทย์หญิงศิริลักษณ์ กล่าวเพิ่ม จึงขอความร่วมมือประชาชนสำรวจแหล่งน้ำขังที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายบริเวณรอบบ้าน ตามมาตรการ “3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค” คือ 1. เก็บบ้านให้ปลอดโปร่ง ไม่มีบริเวณอับทึบให้ยุงลายเกาะพัก 2. เก็บขยะที่อยู่บริเวณรอบบ้าน เก็บเศษภาชนะที่ไม่ต้องการทิ้งไว้ในถุงดำมัดปิดปากถุง และนำไปทิ้งลงถังขยะ เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และ 3. เก็บน้ำ ภาชนะที่ใส่น้ำเพื่ออุปโภคบริโภค ต้องปิดฝาให้มิดชิด ล้างคว่ำภาชนะไม่ใช้ และเปลี่ยนน้ำในกระถางหรือแจกันทุกสัปดาห์ ใส่ทรายกำจัดลูกน้ำหรือปล่อยปลากินลูกน้ำในภาชนะที่ปิดฝาไม่ได้ ป้องกันไม่ให้ยุงลายวางไข่ และเน้นการป้องกันไม่ให้ยุงกัด โดยทายากันยุง และนอนในมุ้ง ซึ่งสามารถป้องกันได้ 3 โรค คือ 1. โรคไข้เลือดออก 2. โรคติดเชื้อไวรัสซิกา 3. โรคไข้ปวดข้อยุงลายหรือโรคชิคุนกุนยา

ทั้งนี้ หากประชาชนมีอาการป่วย เช่น มีไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหอบ เบื่ออาหาร ปวดท้อง ซึ่งอาจมีลักษณะคล้ายกันหลายโรค ทั้งไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก และโรคโควิด 19 ขอให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย 100% รับประทานยาลดไข้ 1-2 วัน โดยให้เลือกรับประทานยาแก้ไข้พาราเซตามอล หลีกเลี่ยงการรับประทานยากลุ่มเอ็นเสด เช่น ยาไอบูโปรเฟน แอสไพริน หรือยาแก้ปวดไดโคลฟีแนค เพราะถ้าหากเป็นไข้จากโรคไข้เลือดออก ยากลุ่มนี้จะมีฤทธิ์ระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหารส่งผลทำให้การรักษายุ่งยากและเสี่ยงต่อการทำให้มีอาการหนักมากยิ่งขึ้น หากทานยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น ให้รีบไปพบแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยโรคหาสาเหตุว่าเกิดจากโรคอะไรและรับการรักษาต่อไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422 แพทย์หญิงศิริลักษณ์กล่าว

ดาวน์โหลดเอกสารเพิ่มเติม : เอกสาร

ข่าวสารอื่นๆ