สธ. ยืนยัน “LAAB” ยังใช้ได้กับสายพันธุ์ BA.2.75 ที่ระบาดในไทย เตรียมปรับรูปแบบให้กลุ่มเสี่ยงเข้าถึงมากขึ้น
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้กล่าวถึง การให้บริการแอนติบอดีออกฤทธิ์ยาว (Long-acting Antibodies: LAAB) หรือที่รู้จักในนามภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปให้กับประชากรที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ หรือผู้ที่ได้รับวัคซีนแต่ไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้สูงเพียงพอต่อการป้องกันโรค เช่น ผู้ป่วยกลุ่มภูมิคุ้มกันบกพร่อง กลุ่มผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่ได้รับการฟอกเลือด และกลุ่มผู้สูงอายุ เป็นต้น โดยเริ่มให้บริการตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม ในระยะที่ผ่านมายังมีประชาชนกลุ่มเสี่ยงได้รับการสร้างภูมิคุ้มกันด้วยแอนติบอดีออกฤทธิ์ยาวไม่มากนัก กระทรวงสาธารณสุขโดยกรมควบคุมโรค จึงได้ปรับรูปแบบการให้บริการโดยใช้กลยุทธ์เพิ่มโอกาสให้กลุ่มเสี่ยงได้รับรู้ข้อมูลและตัดสินใจ (Encouraging Decision) โดยเน้นให้บุคลากรทางการแพทย์ให้ข้อมูลประโยชน์ของภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้มีโอกาสได้ทราบข้อมูลและซักถาม ก่อนที่กลุ่มเป้าหมายจะได้ตัดสินใจขอรับแอนติบอดีออกฤทธิ์ยาวได้ที่โรงพยาบาล
จากข้อมูลของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ชี้ให้เห็นว่า ในระยะนี้ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ในประเทศไทยเป็นสายพันธุ์ BA.2.75 ซึ่งแอนติบอดีออกฤทธิ์ยาวสามารถใช้ได้ผลดี และในปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ กรมควบคุมโรคจึงผลักดันการให้บริการภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปแก่ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ในสถานดูแลผู้สูงอายุที่อยู่รวมกันจำนวนมากมีโอกาสติดเชื้อพร้อมกันหลายคน ซึ่งจะช่วยป้องกันการสูญเสียได้ โดยการลดความเสี่ยงป่วยรุนแรงหรือเสียชีวิต ทั้งนี้ การใช้กลยุทธ์ใหม่เป็นการเพิ่มโอกาสให้กลุ่มเป้าหมายได้รับข้อมูล LAAB มากขึ้นก่อนการตัดสินใจเข้ารับ และให้เป็นไปตามความสมัครใจของกลุ่มเป้าหมาย
ที่มา กระทรวงสาธารณสุข