จากข้อมูลปี พ.ศ. 2567 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ทำการสำรวจสถานการณ์การสูบบุหรี่ของประชากรไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป พบคนไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 11.44 เท่า จากเดิม 78,742 คน ในปี พ.ศ. 2564 เพิ่มเป็น 900,459 คน ในปี พ.ศ. 2567 โดยกลุ่มที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้ามากที่สุดคือกลุ่มวัยทำงาน อายุ 25-44 ปี ทั้งนี้ ข้อมูลจากรายงานประจำปี พ.ศ. 2567 ของ กรมควบคุมโรค ปี พ.ศ. 2565 พบเยาวชนไทยอายุ 13 – 15 ปี สูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 5.3 เท่า ในระยะเวลา 7 ปี และยังพบว่าเยาวชนไทยส่วนมากยังเข้าใจผิดคิดว่า “บุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่าบุหรี่ธรรมดา” ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด
ดร.นายแพทย์หิรัญวุฒิ แพร่คุณธรรม ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น ได้กล่าวถึงสถานการณ์และผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้าว่ามีแนวโน้มที่น่ากังวล จึงจำเป็นต้องเร่งสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน ให้เข้าใจถึงผลกระทบทางสุขภาพที่แท้จริงจาก “บุหรี่ไฟฟ้า” เพราะมีรูปลักษณ์ทันสมัย กลิ่นหอม และถูกโฆษณาว่า “ปลอดภัยกว่า” บุหรี่ธรรมดา ซึ่งไม่เป็นความจริง แต่ความจริงแล้วกลับพบว่า ไอระเหยจากบุหรี่ไฟฟ้ามีสารพิษที่เป็นอันตรายหลายชนิด เช่น นิโคติน ฟอร์มาลดีไฮด์ และโลหะหนัก ที่สามารถทำลายระบบทางเดินหายใจ หัวใจ และสมอง โดยเฉพาะในวัยรุ่นที่ร่างกายยังไม่เจริญเติบโตเต็มที่ การสูบบุหรี่ไฟฟ้าอาจทำให้เกิดภาวะ “EVALI” (อี-วา-ลี) ซึ่งเป็น ภาวะปอดอักเสบรุนแรงที่เกิดจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะในน้ำยาที่มีส่วนผสมของกัญชา หรือวิตามินอีอะซีเตต สารเหล่านี้จะเคลือบถุงลมและขัดขวางการแลกเปลี่ยนออกซิเจน ทำให้ผู้ป่วยมีอาการ ไอ เหนื่อย เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก และไข้สูง ในประเทศไทย มีรายงานผู้ป่วย EVALI หลายรายในช่วงปี 2566–2567 โดยแพทย์ระบุว่า ผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าเสี่ยงเกิดภาวะถุงลมอักเสบเฉียบพลัน และมีออกซิเจนในเลือดต่ำ ซึ่งข้อมูลรายงานจากระบบเฝ้าระวังเหตุการณ์โรคและภัยสุขภาพ กรมควบคุมโรค โดยกองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พบว่าประเทศไทยมีผู้ป่วย EVALI ณ วันที่ 16 ตุลาคม 2568 จำนวน 17 ราย และข้อมูลดังกล่าวยังบ่งชี้ว่าผู้ที่เริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่อายุ 10 ปี
ทั้งนี้ในไอระเหยของบุหรี่ไฟฟ้า ยังพบสารเคมีมากกว่า 7,000 ชนิด ซึ่งมีหลายร้อยชนิดที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ยกตัวอย่างเช่น นิโคติน ทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง และเสพติดได้ง่าย สารโลหะหนัก (ตะกั่ว นิกเกิล โครเมียม) จากขดลวดทำให้เกิดความเสียหายต่อปอด ตับ และไต สารเคมีระเหย (ฟอร์มาลดีไฮด์ อะซีตัลดีไฮด์) เพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง สารแต่งกลิ่นและรส ไดอะซิติล ซึ่งเกี่ยวข้องกับโรคปอดอักเสบชนิด “ปอดป๊อปคอร์น” หรือโรคหลอดลมฝอยอักเสบอุดกั้น บุหรี่ไฟฟ้ายังมีส่วนทำให้สมองส่วนการเรียนรู้จดจำพัฒนาไม่เต็มที่
นอกจากอันตรายจากสารเคมีที่กล่าวมาแล้ว ยังเสี่ยงอันตรายจากการระเบิด เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าใช้ แบตเตอรี่ เป็นแหล่งพลังงาน ซึ่งระบบความปลอดภัยมักไม่ได้มาตรฐาน การถูกชาร์จนานๆ หรือใช้งานต่อเนื่อง ความร้อนที่สะสมในเซลล์แบตเตอรี่จะทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ จนเกิดการระเบิดหรือไฟลุกไหม้ รวมทั้ง การชาร์จไฟด้วยอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน การลัดวงจรภายในเครื่อง การปรับแต่ง เพิ่มพลังไฟหรือเปลี่ยนขดลวด/แบตเตอรี่เอง ซึ่งอาจทำให้กระแสไฟเกินค่าความปลอดภัย และทำให้เครื่องลุกไหม้หรือระเบิดได้ หลายคนยัง เข้าใจผิดว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่ผิดกฎหมาย ทั้งที่จริงแล้ว ถือว่าเป็นของต้องห้ามนำเข้าครอบครอง และจำหน่ายใน ประเทศไทย ผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษตามกฎหมาย จึงขอความร่วมมือผู้ปกครอง สถานศึกษา และชุมชน ร่วมกันสอดส่องดูแลไม่ให้เยาวชนเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมแนะนำให้ผู้ที่สูบบุหรี่หรือใช้บุหรี่ไฟฟ้า ติดต่อสายด่วนเลิกบุหรี่ 1600 เพื่อรับคำปรึกษา
หยุด! บุหรี่ไฟฟ้า ภัยร้ายใกล้ตัว
ทั้งผิดกฎหมาย เสี่ยงระเบิด ทำลายปอดและหัวใจ

**********************************************
ที่มา :
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข, 2567. รายงานสถานการณ์บุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC), 2024. Outbreak of Lung Injury Associated with E-cigarette or Vaping Products (EVALI)
องค์การอนามัยโลก (WHO), 2023. Tobacco and Electronic Cigarettes Factsheet
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.), 2566. ประกาศห้ามนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า
สมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย, 2567. แนวทางการวินิจฉัยและดูแลผู้ป่วยโรคปอดจากบุหรี่ไฟฟ้า (EVALI)
**********************************************
ข้อมูลข่าวโดย : กลุ่มโรคไม่ติดต่อ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น
เผยแพร่ : กลุ่มสื่อสารความเสี่ยงโรคและภัยสุขภาพ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โทร. 043–222718 เว็บไซต์ : www.ddc.moph.go.th/odpc7