สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 ขอนแก่น
Responsive image

สคร.7 "เตือนภัยฤดูฝน! ระวังเห็ดพิษหน้าตาคล้ายเห็ดกินได้ กินผิดชีวิตเปลี่ยน เสี่ยงถึงตาย"

        ในฤดูฝนป็นช่วงที่มีเห็ดที่เกิดเองตามธรรมชาติ อาจเผชิญกับความเสี่ยงจากการกินเห็ดพิษ  เนื่องจากเห็ดหลายชนิดมีลักษณะคล้ายคลึงกัน ทำให้ประชาชนอาจสับสนระหว่างเห็ดที่กินได้กับเห็ดพิษ พร้อมแนะให้หลีกเลี่ยงการเก็บหรือกินเห็ดป่าที่ไม่รู้จักหรือไม่แน่ใจ หากมีอาการผิดปกติหลังกินเห็ด เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
             ดร.นายแพทย์หิรัญวุฒิ แพร่คุณธรรม รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น ออกมาเตือนประชาชนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและพื้นที่เสี่ยงทั่วประเทศ ระวังการบริโภคเห็ดป่าในช่วงฤดูฝน เนื่องจากเป็นช่วงที่เห็ดเจริญเติบโตจำนวนมาก ทำให้ประชาชนนำเห็ดป่ามาประกอบอาหารเพิ่มขึ้น แต่ประชาชนอาจยังไม่สามารถแยกแยะเห็ดพิษออกจากเห็ดกินได้  “การรับประทานเห็ดพิษแม้เพียงเล็กน้อย อาจก่อให้เกิดอาการรุนแรง ตั้งแต่คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ไปจนถึงอวัยวะภายในล้มเหลว และอาจเสียชีวิต” ตัวอย่างเช่น เห็ดระโงกพิษหรือเห็ดระโงกหิน มีลักษณะคล้ายกับเห็ดระโงกขาวที่กินได้ แต่มีความแตกต่างที่สำคัญ เช่น รอบขอบหมวกไม่มีรอยขีด ผิวก้านเรียบหรือมีขนเล็กน้อย และถุงหุ้มโคนรูปถ้วยแนบติดกับโคนก้าน ข้อแนะนำเพื่อความปลอดภัย คือ

1.หลีกเลี่ยงการเก็บหรือกินเห็ดป่าที่ไม่รู้จักหรือไม่แน่ใจ

2.หากมีอาการผิดปกติหลังกินเห็ด เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

ทั้งนี้ การทดสอบความเป็นพิษของเห็ดโดยใช้วิธีพื้นบ้าน เช่น การสังเกตสีเห็ด กลิ่น หรือใช้ช้อนเงิน–เหรียญเงินจุ่มในน้ำต้มเห็ด เป็นความเชื่อที่ผิดและอันตรายมาก เพราะไม่สามารถตรวจสอบพิษของเห็ดได้อย่างแม่นยำ วิธีทดสอบหรือพิสูจน์พิษของเห็ดอย่างถูกต้อง คือ 
1.การตรวจทางห้องปฏิบัติการ (Lab Testing) ใช้การสกัดสารพิษจากเห็ด และตรวจหาสารพิษเฉพาะ เช่น อะมาทอกซิน (Amatoxin) ที่พบในเห็ดระโงกพิษ วิธีนี้แม่นยำและใช้เฉพาะในงานวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญ 
2.การจำแนกชนิดเห็ดโดยนักพฤกษศาสตร์หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ใช้ลักษณะดอกเห็ด ใต้หมวก ลำต้น สี ขนาด และการเจริญเติบโตในการจำแนก
ฉะนั้นแล้วจึง ไม่มีวิธีใดที่สามารถทดสอบพิษของเห็ดได้อย่างแม่นยำด้วยตาเปล่าหรือวิธีพื้นบ้าน ดังนั้น การหลีกเลี่ยงเห็ดที่ไม่รู้จักแน่ชัด จึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด สำหรับกลุ่มอาการที่พบหลังกินเห็ดพิษเข้าไป ได้แก่ 
1.กลุ่มที่ออกฤทธิ์กับตับและไต (รุนแรง อาจเสียชีวิต) จะมีอาการภายใน 6–24 ชั่วโมง มีอาการ ดังนี้

  • อาการคลื่นไส้ อาเจียน มักจะดีขึ้นเพียงชั่วคราว แล้วกลับมาแย่ลง
  • ตัวเหลือง ตาเหลือง (ตับอักเสบ)
  • ปัสสาวะน้อย หรือไม่ปัสสาวะ (ไตวาย)
  • ช็อก และหมดสติ

เห็ดที่ทำให้เกิดอาการนี้ : เห็ดระโงกหิน, เห็ดไข่ตายซาก  เสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
2.กลุ่มที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (อาการหลอนหรือชัก) เริ่มแสดงอาการภายใน 30 นาที – 2 ชั่วโมง : มีอาการ ดังนี้

  • มึนงง เห็นภาพหลอน
  • กล้ามเนื้อกระตุก ชัก
  • พูดไม่ชัด หมดสติ

เห็ดที่ทำให้เกิดอาการนี้: เห็ดเมา, เห็ดขี้ควาย, เห็ดขี้วัวบางชนิด
3.กลุ่มที่ออกฤทธิ์กับระบบทางเดินอาหาร (พบได้บ่อย) เริ่มแสดงอาการภายใน 30 นาที – 3 ชั่วโมง:มีอาการ ดังนี้

  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ปวดท้องอย่างรุนแรง
  • ท้องเสีย ถ่ายเหลว
  •  อ่อนเพลีย หัวใจเต้นเร็ว

เห็ดที่ทำให้เกิดอาการนี้ : เห็ดไข่ตายซาก, เห็ดระโงกหินปลอม, เห็ดก่อบางชนิด
              ดร.นายแพทย์หิรัญวุฒิ แพร่คุณธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลของกรมควบคุมโรค  ในช่วงฤดูฝนของทุกปี จะพบรายงานผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากการกินเห็ดพิษ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุและเด็ก ซึ่งมักกินอาหารร่วมกันในครอบครัว จึงขอเน้นย้ำว่า “หากไม่แน่ใจว่าเห็ดชนิดนั้นกินได้หรือไม่ จงอย่ากินเด็ดขาด” เพราะความเสี่ยงจากเห็ดพิษอาจร้ายแรงถึงชีวิต หากสงสัยว่าเกิดพิษจากเห็ด ควรรีบพาผู้ป่วยไปโรงพยาบาลทันที อย่ากระตุ้นให้อาเจียนเอง (อาจทำให้อาการแย่ลง)  พร้อมนำตัวอย่างเห็ดที่รับประทานไปด้วย ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

 

 

*********************************

ที่มาของข้อมูล :  กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการเฝ้าระวังเห็ดพิษและคำแนะนำในการป้องกัน

เผยแพร่ : กลุ่มสื่อสารความเสี่ยงฯ สคร.7 ขอนแก่น

วันที่ :  8 พฤษภาคม 2568

 


ข่าวสารอื่นๆ