วัณโรค (Tuberculosis หรือ TB) เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium tuberculosis จัดอยู่ในกลุ่ม Mycobacterium tuberculosis complex วัณโรคเกิดได้ในทุกอวัยวะของร่างกาย ส่วนใหญ่มักเกิดที่ปอด (ร้อยละ 80) ซึ่งสามารถแพร่เชื้อได้ง่าย วัณโรคนอกปอดอาจพบได้ในอวัยวะอื่นๆ ได้แก่ เยื่อหุ้มปอด ต่อมน้ำเหลือง กระดูกสันหลัง ข้อต่อ ช่องท้อง ระบบทางเดินปัสสาวะ ระบบสืบพันธุ์ ระบบประสาท เป็นต้น
เชื้อ Mycobacterium แบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ
(1) Mycobacterium tuberculosis complex (MTBC) เป็นสาเหตุของวัณโรคในคนและสัตว์ มีจํานวน 8 สายพันธุ์ ที่พบบ่อยที่สุดคือ Mycobacterium tuberculosis สายพันธุ์อื่นที่พบบ่อยในกลุ่มนี้ เช่น Mycobacterium africanum พบได้ในแถบแอฟริกา Mycobacterium bovis มักก่อให้เกิดโรคในสัตว์ซึ่งอาจติดต่อมาถึงคนได้ โดยการบริโภคนมที่ไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อ และเป็นสายพันธุ์ที่นํามาผลิตเป็นวัคซีนบีซีจี
(2) Nontuberculous mycobacteria (NTM) มีจํานวนมากกว่า 140 สายพันธุ์ เช่น Mycobacterium avium complex (MAC) พบในสิ่งแวดล้อม ดิน น้ํา หรือพบในสัตว์ เช่น นก ส่วนใหญ่ไม่ก่อโรคในคน ยกเว้นในผู้ที่ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
(3) Mycobacterium leprae เป็นสาเหตุของโรคเรื้อน
Mycobacterium tuberculosis มีลักษณะเป็นรูปแท่งหนาประมาณ 0.3 ไมโครเมตร ยาวประมาณ 2 - 5 ไมโครเมตร เมื่อย้อมด้วยวิธี Ziehl-Neelsen จะติดสีแดง เชื้อวัณโรคไม่มีแคปซูล ไม่สร้างสปอร์ ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ อาศัยออกซิเจนในการเจริญเติบโต เชื้อวัณโรคที่อยู่ในละอองฝอย เมื่อผู้ป่วย ไอ หรือจามออกมา สามารถล่องลอยอยู่ในอากาศได้นานถึง30 นาที เชื้อวัณโรคมีความทนทานในสภาพแวดล้อมได้ดี สามารถถูกทําลายด้วยหลายปัจจัย ได้แก่ สารเคมีบางชนิด ความร้อน แสงแดด และแสงอัลตราไวโอเลต โดยแสงแดดสามารถทําลายเชื้อวัณโรคในเสมหะได้ใช้เวลา 20 – 30 ชั่วโมง และหากถูกรังสีอัลตราไวโอเลตจะตายภายใน 1-2 นาที ซึ่งเชื้อวัณโรคในเสมหะแห้งที่ไม่ถูกแสงแดดอาจมีชีวิตอยู่ได้นานถึง 6 เดือน ความร้อนที่อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 20 นาที สามารถทําลายเชื้อวัณโรคได้
-
ไอทุกวันเกิน 2 สัปดาห์
-
ไอแห้งหรือมีเสมหะ และอามีไอเป็นเลือด
-
มีไขต่ำๆ อาจเกิดตอนบ่าย ตอนเย็น หรือตอนกลางคืน และอาจมีเหงื่อออกมากผิดปกติตอนกลางคืน
-
อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ผอมลง
-
เหนื่อยหอบ เจ็บหน้าอก
หมายเหตุ คนไข้วัณโรคที่ป่วยระยะแรก อาจไม่มีอาการใดๆ
องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้ประเทศไทยพ้นจาก 14 ประเทศที่มีปัญหาพบผู้ป่วยวัณโรคสูง ซึ่งเป็นความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งของประเทศไทย แม้ว่าขณะนี้ผู้ป่วยวัณโรคดื้อยาในประเทศจะมีจำนวนลดน้อยลง แต่ปัญหาวัณโรคที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อเอชไอวี ก็ยังเป็นปัญหาที่สำคัญอยู่ ซึ่งกรมควบคุมโรค โดยกองวัณโรค พร้อมดำเนินการร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ในการแก้ไข้ปัญหาดังกล่าวเพื่อให้บรรลุเป้าหมายหลักที่สำคัญในการยุติวัณโรคภายในปี 2578
ตามที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดกลุ่มประเทศที่มีภาระปัญหาวัณโรคสูงของโลก (WHO global lists of HBCs for 2016-2020) ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา โดยมีหลักการ คือ จะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 30 ประเทศ ได้แก่
1) กลุ่มประเทศที่มีจำนวนและอัตราป่วยวัณโรคสูง
2) กลุ่มประเทศที่มีจำนวนและอัตราวัณโรคที่สัมพันธ์กับเอชไอวีสูง และ
3) กลุ่มประเทศที่มีจำนวนและอัตราป่วยวัณโรคดื้อยาหลายขนานสูง
โดยประเทศที่มีภาระปัญหาทั้ง 3 นี้ มีทั้งหมด 14 ประเทศ ซึ่งประเทศไทยเป็น 1 ใน 14 ประเทศที่มีภาระปัญหาวัณโรคสูงทั้ง 3 ด้าน ซึ่งตลอดระยะเวลา 5 ปี ที่ผ่านมา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โดยกองวัณโรค ได้มุ่งมั่นดำเนินงาน ผลักดันนโยบายแผนงานในระดับชาติ ตลอดจนกิจกรรมและแนวทางปฏิบัติ โดยได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ทุกระดับ ทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งในส่วนกลางและระดับพื้นที่ ในการดำเนินงานควบคุมป้องกันวัณโรค โดยมีเป้าหมายหลักคือลดอุบัติการณ์วัณโรค ลดภาระปัญหาด้านวัณโรคของประเทศชาติ มาโดยตลอด และในปี 2560 ประเทศไทยสามารถลดอุบัติการณ์วัณโรคได้มากเกือบร้อยละ 10 ซึ่งไม่เคยทำได้มาก่อนในประวัติศาสตร์การดำเนินงานด้านวัณโรค
