อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้ความมั่นใจผู้อยู่ใกล้ชิดและมีโอกาสเสี่ยงติดโรคฝีดาษวานร (MPOX) ทุกรายเข้าระบบเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด พร้อมสังเกตอาการตัวเองใน 21 วัน หากมีไข้ ผื่นผิวหนัง ซึ่งมักปรากฏที่ใบหน้า แขนขา อวัยวะเพศ และลำตัว ไอ จาม และต่อมน้ำเหลืองโต มีอาการอย่างหนึ่งอย่างใดให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้านทันที เข้มงวดด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ โดยเฉพาะเที่ยวบินที่มาจากทวีปแอฟริกาที่มีผู้เดินทางเข้ามาวันละประมาณ 300 คน มีแพทย์คอยดูแลทุกคน ส่วนการฉีดวัคซีนภายหลังการสัมผัส องค์การอนามัยโลกแนะนำในผู้สัมผัสใกล้ชิด เช่น บุคคลในครอบครัว เป็นต้น โดยจะมีการประชุมปรึกษาถึงแนวทางการใช้ในวันที่ 6 กันยายน 2567 นี้
วันนี้ (29 สิงหาคม 2567) ที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ต่อกรณี มีผู้กังวลว่า ผู้อยู่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโรคฝีดาษวานร สายพันธุ์ Clade 1b (Mpox Clade 1b) รายแรกของไทย กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค ขอยืนยันว่ากรมควบคุมโรคมีการติดตามเฝ้าระวังผู้สัมผัสใกล้ชิดและผู้สัมผัสเสี่ยงทุกคนอย่างใกล้ชิด โดยมีการติดตามอาการทุกวัน ซึ่ง ณ ขณะนี้ นับตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมายังไม่พบการติดเชื้อเพิ่มเติมแต่อย่างใด สำหรับผู้ติดเชื้อที่พบได้ดำเนินการแยกรักษาและหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยรายอื่น ซึ่งจะได้รับการรักษาจนกว่าจะพ้นระยะแพร่เชื้อหรือตามคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ พร้อมทั้งได้เน้นย้ำการป้องกันการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเมื่อต้องสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย ตามมาตรฐานการดูแลโรคอุบัติใหม่อย่างเคร่งครัด
นายแพทย์ธงชัย กล่าวต่อว่า ปัจจุบันโรคฝีดาษวานร (MPOX) ยังจัดอยู่ในกลุ่มโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังจึงเป็นเพียงขอความร่วมมือจากผู้สัมผัสใกล้ชิดและผู้สัมผัสเสี่ยงในการปฏิบัติตน เพื่อประโยชน์ในการติดตาม เฝ้าระวังอาการ และควบคุมโรค โดยขอความร่วมมือให้ปฏิบัติตามข้อแนะนำ 5 ข้อ จนกว่าจะครบ 21 วัน หลังจากสัมผัสผู้ติดเชื้อ ได้แก่ 1. สังเกตอาการด้วยตนเองทุกวัน อาทิ ไข้ ผื่นผิวหนัง ซึ่งมักปรากฏที่ใบหน้า แขนขา อวัยวะเพศ และลำตัว ไอ จาม และต่อมน้ำเหลืองโต หากมีอาการอย่างหนึ่งอย่างใดให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้านทันที 2.รักษาความสะอาดส่วนบุคคล ล้างมือและทำความสะอาดร่างกายด้วยสบู่และแอลกอฮอล์อย่างสม่ำเสมอ หรือเมื่อสัมผัสพื้นผิวสัมผัส 3.งดการมีเพศสัมพันธ์ หรือพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่การสัมผัสสารคัดหลั่ง เช่น น้ำมูกหรือ น้ำลาย ระหว่างกัน 4. งดการใช้ของใช้ส่วนตัว เช่น อุปกรณ์รับประทานอาหาร และเสื้อผ้าร่วมกับผู้อื่น และแยกทำความสะอาด และ 5. เก็บและจัดการขยะที่อาจปนเปื้อนสารคัดหลั่งของตนเองให้มิดชิด แยกจากขยะทั่วไป โดยให้ปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้นอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ กรมควบคุมโรคยังได้ยกระดับมาตรการเฝ้าระวังคัดกรองโรค ทั้งที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะเที่ยวบินที่มาจากทวีปแอฟริกา ที่มีผู้เดินทางเข้ามาวันละประมาณ 300 คน ซึ่งจะมีแพทย์คอยดูแลทุกคน อีกทั้งสามารถตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการได้ที่สนามบิน สำหรับกรณีการฉีดวัคซีนภายหลังการสัมผัส องค์การอนามัยโลกแนะนำให้สำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิด เช่น บุคคลในครอบครัว เป็นต้น ซึ่งจะใช้ภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น โดยจะมีการประชุมปรึกษาถึงแนวทางการใช้ในวันที่ 6 กันยายน 2567 นี้ ทั้งนี้ ประชาชนทั่วไปสามารถป้องกันตัวเองด้วยการงดการมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลแปลกหน้า และหมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เพื่อความปลอดภัย
**************************
ที่มา: กองระบาดวิทยา/สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค
วันที่ 29 สิงหาคม 2567