สำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ
Responsive image

กรมควบคุมโรค รณรงค์วันเบาหวานโลก ปี 2563 หนุนบทบาทพยาบาลร่วมสร้างพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงโรคเบาหวาน

          

          กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รณรงค์วันเบาหวานโลก ปี 2563 ในหัวข้อ “Nurses Make the Difference for Diabetes” หรือ “เปลี่ยนวิกฤตเบาหวานด้วยพลังแห่งการพยาบาล” โดยหนุนบทบาทพยาบาลร่วมสร้างพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงโรคเบาหวาน พร้อมแนะผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไปควรตรวจระดับน้ำตาลในเลือดอย่างน้อยปีละครั้ง    
    วันนี้ (12 พฤศจิกายน 2563) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าในวันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี เป็นวันเบาหวานโลก (World Diabetes Day) โดยการรณรงค์ในปี 2563 นี้ สมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ ได้กำหนดประเด็นการรณรงค์ คือ “Nurses Make the Difference for Diabetes” และสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย ได้กำหนดประเด็นรณรงค์ให้สอดคล้องกัน คือ “เปลี่ยนวิกฤตเบาหวานด้วยพลังแห่งการพยาบาล” ซึ่งพยาบาลมีบทบาทสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยเบาหวานสามารถอยู่กับโรคเบาหวานได้อย่างปกติ มีความสุข และมีกำลังใจที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่คาดหวังในการดูแลรักษาต่อไป  
          โดยข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่าปัจจุบันบุคลากรทางการแพทย์และการสาธารณสุขทั่วโลกนั้น อยู่ในวิชาชีพพยาบาลมากถึงร้อยละ 59 ของจำนวนทั้งหมด ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่การรณรงค์วันเบาหวานโลกในปี 2563 มุ่งเน้นสนับสนุนบทบาทของพยาบาล ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการต่อสู้กับโรคเบาหวานในระดับโลก อย่างไรก็ตาม พบว่าปัญหาสำคัญในทุกๆ ประเทศก็ยังคงเป็นเรื่องการขาดแคลนจำนวนบุคลากรสายการพยาบาล ซึ่งมีการประเมินว่าทั่วโลกยังต้องการพยาบาลอีกอย่างน้อย 6 ล้านคน จึงจะเพียงพอต่อการขับเคลื่อนระบบสาธารณสุขให้เดินหน้าไปได้ด้วยดี อีกทั้งพยาบาลควรมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 8 ต่อปี เพื่อให้มีจำนวนพยาบาลเพียงพอในปี พ.ศ.2573
ส่วนสถานการณ์โรคเบาหวานในประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศที่มีอัตราความชุกของโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับประเทศในแถบแอฟริกา แปซิฟิกตะวันตก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยที่น่าเป็นห่วงคือคนไทยเสียชีวิตจากโรคเบาหวานมากถึง 200 รายต่อวัน นอกจากนี้ยังพบว่า 1 ใน 11 คนไทยที่อายุ 15 ปีขึ้นไป ป่วยเป็นโรคเบาหวานประมาณ 5 ล้านคน
    นายแพทย์โอภาส ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่เกิดจากความผิดปกติของร่างกายที่มีการผลิตฮอร์โมนอินซูลินไม่เพียงพอหรือร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเป็นระยะเวลานาน ส่งผลให้อวัยวะเสื่อมสมรรถภาพ และทำงานล้มเหลว เป็นเหตุให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ตา ไต หลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง รวมถึงเป็นแผลง่ายหายยาก ชาปลายมือปลายเท้า
          คำแนะนำในการป้องกันโรคเบาหวาน มีดังนี้ 1.รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ เลี่ยงรสหวาน มัน เค็ม 2.ไม่สูบบุหรี่และไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 3.มีกิจกรรมทางกายและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 4.ผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ควรตรวจระดับน้ำตาลในเลือดอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง 5.ควบคุมน้ำหนักตัวให้เหมาะสม และ 6.หากมีอาการของโรคเบาหวาน เช่น ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำ หิวบ่อย กินจุ น้ำหนักลด เป็นแผลง่ายหายยาก หรือชาปลายมือปลายเท้า  ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาต่อไป นอกจากนี้ ถ้ามีสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคเบาหวาน ควรดูแลใส่ใจเรื่องการควบคุมอาหาร การรับประทานยา การเข้ารับการตรวจตามนัด และสังเกตอาการป่วยที่อาจผิดปกติ
          ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับเครือข่ายสาธารณสุขและองค์กรเอกชน ดำเนินการเพื่อกระตุ้นและสนับสนุนการคัดกรองโรคเบาหวานในประชากรอายุ 35 ปีขึ้นไป ส่งเสริมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร เพิ่มกิจกรรมทางกาย จัดสิ่งแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ และส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health literacy) เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับโรคเบาหวาน ปัจจัยเสี่ยง สัญญาณเตือน การป้องกัน และการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วย โดยเน้นบทบาทการดำเนินงานของเครือข่ายสหวิชาชีพด้านสุขภาพร่วมกัน ตลอดจนนำไปสู่การพัฒนาขีดความสามารถของระบบบริการสุขภาพต่อไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

*********************

ข้อมูลจาก :กองโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค

วันที่ 12 พฤศจิกายน 2563

 

 


ข่าวสารอื่นๆ