สำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ
Responsive image

กรมควบคุมโรค จับมือภูเก็ตนำร่องจังหวัดต้นแบบ ขับเคลื่อนยุติปัญหาเอดส์

          เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 ที่โรงแรมเดอะพาโก้ ดีไซน์ จังหวัดภูเก็ต นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายแพทย์ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และนายแพทย์กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต เปิดโครงการเครือข่ายการขับเคลื่อนยุติปัญหาเอดส์ระดับจังหวัด “Empowering & Collaborating for Ending AIDS” ร่วมกับศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐ ด้านสาธารณสุข และสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) เพื่อเป็นเวทีในการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การดำเนินงานด้านเอดส์ของจังหวัดภูเก็ต โดยความร่วมมือของภาคีเครือข่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงาน มุ่งสู่การเป็นจังหวัดยุติเอดส์

          นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การขับเคลื่อนยุติปัญหาเอดส์ระดับจังหวัด ได้รับการสนับสนุนจากกรมควบคุมโรค สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) ศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐ ด้านสาธารณสุข รวมทั้ง ความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ในจังหวัดภูเก็ต เพื่อมุ่งสู่การเป็น “จังหวัดยุติเอดส์” โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการ คือ “ไม่ติด ไม่ตาย ไม่ตีตรา” และ กลยุทธ์สำคัญในการขับเคลื่อนยุติปัญหาเอดส์จังหวัดภูเก็ต ใช้กระบวนการ RRTTR ได้แก่ Reach (เข้าถึง) Recruit (นำกลุ่มเป้าหมายเข้าสู่บริการสุขภาพ) Test (ตรวจหาการติดเชื้อ) Treat (รักษาด้วยยาต้านไวรัส) และ Retain (ทำให้คงอยู่ในระบบ) ซึ่งต้องสร้างความรอบรู้ที่ถูกต้อง ให้แก่หน่วยงาน องค์กร สถานประกอบการ และประชาชน ด้านเรื่องเอชไอวี/เอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การลดพฤติกรรมเสี่ยง การลดการตีตราและเลือกปฏิบัติ รวมถึงการเข้าถึงบริการ และเครือข่ายสุขภาพ นอกจากนี้ทั้งภาครัฐและเอกชน ต้องมีการพัฒนาระบบบริการ ดูแล รักษาอย่างมีคุณภาพ

          นายแพทย์ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรคเล็งเห็นความสำคัญในการเร่งรัดการดำเนินงานยุติเอดส์ โดยสนับสนุนให้มีการขับเคลื่อนเครือข่ายทำงานในระดับจังหวัด เพื่อให้เป็นจังหวัดต้นแบบ โดยมีวัตถุประสงค์ให้มีการประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในการดำเนินงานป้องกันแก้ไขปัญหาเอดส์อย่างเข้มข้น ให้บรรลุเป้าหมาย “จังหวัดยุติเอดส์” โดยใช้กระบวนการพัฒนาคุณภาพสถานพยาบาลในรูปแบบเครือข่ายระดับจังหวัด ยกระดับคุณภาพการบริการและพัฒนาระบบส่งต่ออย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งภาครัฐ เอกชน ให้ครอบคลุมทุกสิทธิประโยชน์ นอกจากนี้ยังเร่งหาแนวทางการดูแลให้กับคนที่ไร้สิทธิ์ เพื่อให้ครอบคลุมทุกคนที่อยู่ในประเทศไทย พร้อมทั้งปรับปรุง ลดช่องว่างในแต่ละสิทธิประโยชน์ เพื่อให้เกิดความเสมอภาค และจัดบริการที่มีคุณภาพ โดยเน้นให้เริ่มยาต้านไวรัสทันทีที่รู้ว่าติดเชื้อ เพื่อลดการป่วยด้วยภาวะแทรกซ้อนและลดการเสียชีวิต ซึ่งถ้ากดปริมาณไวรัสในเลือดได้ จะเป็นการป้องกันการถ่ายทอดเชื้อไปสู่ผู้อื่นได้อีกด้วย 

            นายแพทย์ปรีชา กล่าวต่อไปว่า กรมควบคุมโรคร่วมสนับสนุนการดำเนินงานของจังหวัดอย่างเต็มที่ โดยมีนโยบายที่สำคัญ ได้แก่ 1.การเร่งการดำเนินงานจัดบริการเชิงรุกด้านการป้องกัน ส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งกับทุกคู่นอน 2.ขยายการจัดบริการยาเพร็พฟรี เพื่อป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อ ในประชากรที่มีพฤติกรรมเสี่ยง  3.ส่งเสริมการตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีด้วยความสมัครใจฟรีปีละ 2 ครั้ง  4.ส่งเสริมให้มีการใช้ชุดตรวจคัดกรองหาการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตัวเอง ซึ่งถือว่าเป็นทางเลือกใหม่ที่จะเพิ่มการเข้าถึงการตรวจคัดกรอง  5.พัฒนาศักยภาพเครือข่ายและคุณภาพระบบบริการของสถานบริการสุขภาพ และหน่วยบริการภาคประชาสังคม  6.เสริมสร้างทัศนคติเชิงบวกในการอยู่ร่วมกันกับผู้มีเชื้อเอชไอวีได้อย่างปกติ เพื่อลดการตีตราและเลือกปฏิบัติ  และ 7.ขับเคลื่อนพัฒนาระบบ กลไกการรับเรื่องร้องเรียนและคุ้มครองการละเมิดสิทธิ์ อันจะเป็นกลไกสำคัญที่จะปกป้องคุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ เพศภาวะ ในทุกกลุ่มประชากร

          ด้านนายแพทย์กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตมีเป้าหมายการยุติปัญหาเอดส์ ภายในปี 2573 สอดคล้องกับเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นของประเทศไทย โดยเร่งรัดการเข้าถึงบริการและพัฒนาคุณภาพการดูแลรักษาด้านเอชไอวี จนมีผลลัพธ์การดำเนินงานในช่วง ปี 2561-2563 ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วยผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ได้รับรู้สถานะการติดเชื้อ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 100 เป็นร้อยละ 117 ผู้ติดเชื้อที่ทราบสถานะการติดเชื้อเอชไอวี เข้าถึงบริการได้รับยาต้านไวรัสเอชไอวี เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 66 เป็นร้อยละ 82 และผู้ติดเชื้อที่ได้รับยาต้านไวรัสเอชไอวี สามารถกดปริมาณไวรัสในกระแสเลือดได้สำเร็จ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 83 เป็นร้อยละ 85 ซึ่งจากข้อมูลดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงโอกาสการพัฒนาด้านการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์อย่างต่อเนื่อง นำไปสู่การมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป สอบถามเพิ่มเติมได้ที่กองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โทร. 0 2590 3211 หรือสายด่วน กรมควบคุมโรค โทร.1422

***************************

ข้อมูลจาก : กองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค

วันที่ 1 ธันวาคม 2564


ข่าวสารอื่นๆ