1. ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. 2555
2. คู่มือการลาและการได้รับเงินเดือนระหว่างลาสำหรับข้าราชการ
- ให้เสนอใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจนถึงผู้มีอำนาจอนุญาตก่อนหรือในวันที่ลา เว้นแต่กรณีจำเป็น ให้เสนอในวันแรกที่มาปฏิบัติราชการก็ได้
- กรณีป่วยจนไม่สามารถลงชื่อในใบลาได้ จะให้ผู้อื่นลาแทนก็ได้
- ลาได้เท่าที่ป่วยจริง หากลาป่วยตั้งแต่ 30 วันขึ้นไป ต้องมีใบรับรองของแพทย์ซึ่งเป็นผู้ที่ได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมแนบไปกับใบลา
- ลาป่วยไม่ถึง 30 วัน (ครั้งเดียวหรือหลายครั้งติดต่อกัน) ผู้มีอำนาจอนุญาตจะสั่งให้ใช้ใบรับรองแพทย์ประกอบใบลาด้วยก็ได้ (หน่วยงานอาจกำหนดเอง เช่น ลาเกิน 3 วัน)
- กรณีลาป่วยต่อเนื่องโดยได้รับเงินเดือนระหว่างลา ปีหนึ่งไม่เกิน 60 วันทำการ แต่อธิบดีจะจ่ายเงินเดือนต่อไปอีกได้ แต่ไม่เกิน 60 วันทำการ (รวมเป็น 120 วันทำการ)
- ผู้มีอำนาจอนุญาตลา
: หัวหน้าฝ่าย / หัวหน้ากลุ่ม / หัวหน้ากลุ่มงาน / หัวหน้าส่วนเทียบเท่าฝ่าย อนุญาตลาให้ได้ 30 วัน
: ผู้อำนวยการกอง อนุญาตให้ลาได้ 60 วัน
: อธิบดี อนุญาตให้ลาได้ 120 วัน
: ปลัดกระทรวง อนุญาตให้ลาได้ตามที่เห็นสมควร
- ให้เสนอใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจนถึงผู้มีอำนาจอนุญาตก่อนหรือในวันที่ลา เว้นแต่ไม่สามารถลงชื่อในใบลาได้ จะให้ผู้อื่นลงชื่อลาแทนก็ได้
- รวมวันลาแล้ว ไม่เกิน 90 วัน จะลาก่อนหรือลาหลังคลอดก็ได้
- ลาโดยได้รับเงินเดือนระหว่างลา 90 วัน ไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์
- การลาคลอดบุตรคาบเกี่ยวกับการลาประเภทใดซึ่งยังไม่ครบกำหนดวันลาประเภทนั้น ให้ถือว่าการลาประเภทนั้นสิ้นสุดลง และให้นับเป็นการลาคลอดบุตรตั้งแต่วันที่เริ่มวันลาคลอดบุตร ( เช่น ลาป่วย 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 - 10 ม.ค. 51 และลาคลอดบุตรวันที่ 5 ม.ค. 51 - 4 มี.ค. 51 (60 วัน) ให้ถือว่าการลาป่วยสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 4 ม.ค. 51 และเริ่มนับลาคลอดบุตรเมื่อวันที่ 5 ม.ค. 51 เป็นวันแรก
+ กรณีแท้งบุตร หรือเด็กเสียชีวิตในครรภ์ ซึ่งต้องพักรักษาตัว ให้ใช้สิทธิลาป่วย
+ กรณีบุตรเสียชีวิตหลังคลอด ให้ใช้สิทธิลาคลอดบุตร
- ผู้มีอำนาจอนุญาตลา
: ผู้อำนวยการกอง
: อธิบดี
: ปลัดกระทรวง
- ให้เสนอใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจนถึงผู้มีอำนาจอนุญาตก่อนหรือในวันที่ลา ภายใน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ภริยาคลอดบุตร
- ต้องเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย ลาได้ไม่เกิน 15 วัน
- ลาโดยได้รับเงินเดือนระหว่างลา 15 วัน
- ผู้มีอำนาจอนุญาตลา
: อธิบดี
: ปลัดกระทรวง
- ให้เสนอใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจนถึงผู้มีอำนาจอนุญาต เมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงจะหยุดราชการได้ เว้นแต่กรณีจำเป็น ไม่สามารถรอรับอนุญาตได้ทัน จะเสนอใบลาพร้อมระบุเหตุผลจำเป็นไว้แล้วหยุดไปก่อนก็ได้
- กรณีมีเหตุพิเศษไม่อาจเสนอใบลาก่อนได้ ให้เสนอใบลาพร้อมเหตุผลความจำเป็นต่อผู้บังคับบัญชาทันที่ในวีนแรกที่มาปฏิบัติราชการ
1.ลากิจส่วนตัว
- ไม่จำกัดวันลา แต่ลาโดยได้รับเงินเดือนระหว่างลาไม่เกิน 45 วัน หากเป็นปีที่เริ่มรับราชการ ให้ได้รับเงินเดือน 15 วัน
2.ลากิจส่วนตัวเพื่อเลี้ยงดูบุตร
- ให้ลาต่อเนื่องจากลาคลอดบุตร ให้ลาได้ไม่เกิน 150 วันทำการ โดยไม่มีสิทธิได้รับเงินเดือนระหว่างลา
- ผู้มีอำนาจอนุญาตลา
: หัวหน้าฝ่าย/หัวหน้ากลุ่ม/หัวหน้ากลุ่มงาน/หัวหน้าส่วนเทียบเท่าฝ่าย อนุญาตลาให้ได้ 15 วัน
: ผู้อำนวยการกอง อนุญาตให้ลาได้ 30 วัน
: อธิบดี อนุญาตให้ลาได้ 45 วัน
: ปลัดกระทรวง อนุญาตให้ลาได้ตามที่เห็นสมควร
- ข้าราชการมีสิทธิลาพักผ่อนประจำปีในปีหนึ่งได้ 10 วันทำการ ยกเว้น กรณีดังต่อไปนี้ ที่ไม่มีสิทธิลาพักผ่อนประจำปีที่บรรจุเข้ารับราชการยังไม่ถึง 6 เดือน
1. ผู้ซึ่งได้รับบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครั้งแรก
2. ผู้ซึ่งลาออกจากราชการเพราะเหตุส่วนตัว แล้วต่อมาบรรจุเข้ารับราชการอีก
3. ผู้ซึ่งลาอกจากราชการเพื่อดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือเพื่อสมัครเข้ารับการเลือกตั้ง แล้วต่อมาได้รับการบรรจุอีกหลัง 6 เดือน นับแต่วันลาออกจากราชการ
4. ผู้ซึ่งถูกสั่งให้ออกจากราชการกรณีอื่น นอกจากกรณีไปรับราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร และกรณีไปปฏิบัติงานใดๆตามความประสงค์ของทางราชการ แล้วต่อมาได้รับการบรรจุเข้ารับราชการอีก
- กรณีในปีใดที่ไม่ได้ลาพักผ่อนประจำปี หรือลาไม่ครบ 10 วันทำการ ให้สะสมวันที่ยังไม่ได้ลาในปีนั้นรวมเข้ากับปีต่อๆไปได้ แต่รวมแล้วต้องไม่เกิน 20 วันทำการ ในปีปัจจุบัน
- สำหรับผู้ที่ได้รับราชการติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปี ให้มีสิทธินำวันลาพักผ่อนสะสม รวมกับวันลาพักผ่อนในปีปัจจุบันได้ไม่เกิน 30 วันทำการ
- ให้ข้าราชการที่ประจำการในต่างประเทศในเมืองที่กำลังพัฒนา ซึ่งตั้งอยู่ที่ แอฟริกา ลาตินอเมริกา และอเมริกากลาง หรือเมืองที่มีความเป็นอยู่ยากลำบาก เมืองที่มีภาวะความเป็นอยู่ไม่ปกติ และเมืองที่มีสถานการณ์พิเศษ มีสิทธิลาพักผ่อนได้เพิ่มขึ้นอีก 10 วันทำการแต่ไม่สามารถสะสมได้
- ให้เสนอใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจนถึงผู้มีอำนาจอนุญาต และเมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงจะหยุดราชการได้
- การอนุญาตให้ลาผู้มีอำนาจจะอนุญาตให้ลาครั้งเดียวหรือหลายครั้งก็ได้ โดยมิให้เสียหายแก่ทางราชการ
- ข้าราชการประเภทใดที่ปฏิบัติงานในสถานศึกษาและมีวันหยุดภาคการศึกษาที่เกินกว่าวันลาพักผ่อน ไม่มีสิทธิลาพักผ่อน
- ผู้มีอำนาจอนุญาตลา
: ผู้อำนวยการกอง
: อธิบดี
: ปลัดกระทรวง
- ให้เสนอใบลาต่อผู้บังคับบัญชา ก่อนวันอุปสมบทหรือเดินทางประกอบพิธีฮัจย์ ไม่น้อยกว่า 60 วัน ในกรณีที่มีเหตุพิเศษไม่อาจเสนอใบลาได้ ให้ชี้แจงเหตุผลความจำเป็นประกอบการลา และให้อยู่ในดุลยพินิจของผู้มีอำนาจจะพิจารณาให้ลาหรือไมก็ได้
ข้าราชการที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ลาอุปสมบทหรือลาไปประกอบพิธีฮัจย์แล้ว จะต้องอุปสมบทหรือออกเดินทางประกอบพิธีฮัจย์ภายใน 10 วัน นับแต่วันเริ่มลา และจะต้องกลับมารายงานตัวเข้าปฏิบัติราชการภายใน 5 วัน นับแต่วันลาสิกขา หรือวันที่เดินทางกลับถึงประเทศไทยหลักจากการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ (วันอุปสมบทหรือวันเดินไป และวันรายงานตัวกลับ รวมอยู่ภายในระยะเวลาที่ลาด้วย = ใน 120 วัน)
หากข้าราชการที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ลาอุปสมบทหรือลาไปประกอบพิธีฮัจย์แล้วไม่สามารถอุปสมบทหรือไปประกอบพิธีฮัจย์ ตามที่ขอไว้ เมื่อได้มากลับเข้ารับราชการตามปกติและขอถอนไปลา ให้ผู้มีอำนาจพิจารณาหรืออนุญาต พิจารณาหรืออนุญาตให้ถอนวันลาอุปสมบทหรือไปประกอบพิธีฮัจย์ได้ โดยให้ถือว่าวันที่ได้หยุดไปแล้วเป็นวันลากิจส่วนตัว
ให้ลาโดยได้รับเงินเดือนระหว่างลาได้ไม่เกิน 120 วัน ทั้งนี้ ต้องรับราชการมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี และยังไม่เคยลาอุปสมบท หรือไปประกอบพิธีฮัจย์ หากใช้สิทธิการลาไปแล้ว ต้องการขอลาอีก จะไม่ได้รับเงินเดือน
- ผู้มีอำนาจอนุญาตลา
: อธิบดี
: ปลัดกระทรวง
แบบฟอร์มใบลา อุปสมบท / ไปพิธีฮัจย์
- ให้เสนอใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจนถึงอธิบดี ล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วัน (ขั้นตอน)
- ให้ลาได้ครั้งเดียวตลอดอายุราชการ ระยะเวลาตั้งแต่ 1 เดือน แต่ไม่เกิน 3 เดือน
- ผู้มีอำนาจอนุญาตลา
: อธิบดี
- ข้าราชการที่ได้รับหมายเรียกเข้ารับการตรวจเลือก รายงานลาต่อผู้บังคับบัญชาก่อนวันเข้ารับการตรวจเลือกไม่น้อยกว่า 48 ชม.
- ข้าราชการที่ได้รับหมายเรียกเข้ารับการเตรียมพล รายงานลาต่อผู้บังคับบัญชาภายใน 48 ชม. นับแต่เวลารับหมายเรียกเป็นต้นไป
- ให้ข้าราชการเข้ารับการตรวจเลือก หรือเข้ารับการเตรียมพลตามวันเวลาในหมายเรียกนั้น โดยไม่ต้องรอรับคำสั่งอนุญาต และให้ผู้บังคับบัญชาเสนอรายงานลาไปตามลำดับจนถึงอธิบดี
- เมื่อพ้นจากการเข้ารับการตรวจเลือก หรือเข้ารับการเตรียมพลแล้วให้มารายงานตัวกลับเข้าปฏิบัติราชการต่อผู้บังคับบัญชาภายใน 7 วัน
- หากมีเหตุจำเป็นผู้มีอำนาจอาจขยายเวลาให้ได้แต่รวมแล้วไม่เกิน 15 วัน
- ผู้มีอำนาจอนุญาตลา
: อธิบดี
: ปลัดกระทรวง
- ให้เสนอใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจนถึงอธิบดี
ลาโดยได้รับเงินเดือนระหว่างลาไม่เกิน 4 ปี หากลาต่อ เมื่อรวมทั้งสิ้นต้องไม่เกิน 6 ปี
กรณีหัวหน้าส่วนราชการ
- ให้เสนอต่อปลัดกระทรวง
- ผู้มีอำนาจอนุญาตลา
: อธิบดี
: ปลัดกระทรวง
- ให้เสนอใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจนถึงรัฐมนตรีเจ้าสังกัด เพื่อพิจารณาอนุญาต โดยถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์การสั่งให้ข้าราชการไปทำการซึ่งให้นับเวลาระหว่างนั้นเหมือนเต็มเวลา
- ข้าราชการที่ลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศที่มีระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี เมื่อปฏิบัติงานแล้วเสร็จให้รายงานตัวเข้าปฏิบัติหน้าที่ ภายใน 15 วัน นับแต่วันถัดจากวันเสร็จสิ้นการปฏิบัติงาน และให้รายงานผลการปฏิบัติงานให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดทราบ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่กลับมาปฏิบัติหน้าที่ราชการ (ตามแบบที่กำหนด)
- ผู้มีอำนาจอนุญาตลา
: รัฐมนตรี
- ให้เสนอใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจนถึงปลัดกระทรวง
- ลาได้ไม่เกิน 2 ปี กรณีจำเป็นลาต่อได้อีก 2 ปี รวมแล้วต้องไม่เกิน 4 ปี ถ้าเกิน 4 ปีให้ลาออกจากราชการ ทั้งนี้
- การพิจารณาการลา ผู้มีอำนาจจะให้ลาครั้งเดียวหรือหลายครั้งก็ได้โดนมิให้เสียหายแก่ทางราชการ (รวมแล้วไม่เกินตามที่กำหนด)
- ข้าราชการที่ได้ลาติดตามคู่สมรสครบกำหนดแล้ว ในระหว่างที่คู่สมรสอยู่ปฏิบัติหน้าที่ราชการติดต่อกันในคราวเดียว ไม่มีสิทธิลาได้อีก ยกเว้น คู่สมรสจะได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ประจำในประเทศไทย แต่มีคำสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศอีก จึงจะมีสิทธิขอลาได้ใหม่
- ผู้มีอำนาจอนุญาตลา
: ปลัดกระทรวง
- ให้เสนอใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจนถึงผู้มีอำนาจอนุญาต พร้อมแสดงหลักฐานเกี่ยวกับหลักสูตรที่ประสงค์จะลา และเอกสารที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี) เมื่อได้รับอนุญาตจึงจะหยุดได้
- ข้าราชการที่ตกป็นผู้ทุพพลภาพหรือพิการ เนื่องจาก
1.ได้รับอันตรายหรือการเจ็บป่วยเพราะเหตุปฏิบัติราชการในหน้าที่ หรือถูกประทุษร้ายเพราะการทำตามหน้าที่
- จะลาไปเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับการฟื้นฟูสมรรถภาพที่จำเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่หรืออาชีพ สามารถลาตามระยะเวลาที่หลักสูตรกำหนด แต่ไม่เกิน 1 ปี
2.ได้รับอันตรายหรือการเจ็บป่วยเพราะเหตุอื่น และผู้มีอำนาจพิจารณาแล้วว่าสามารถปฏิบัติงานต่อไปได้
- ให้ผู้มีอำนาจพิจารณาหรืออนุญาตให้ลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพครั้งหนึ่งได้ตามระยะเวลาที่หลักสูตรกำหนด แต่ไม่เกิน 1 ปี
- หลักสูตรที่จะลา จะต้องเป็นหลักสูตรที่ส่วนราชการ หน่วยงานอื่นของรัฐ องค์กรการกุศลอันเป็นสาธารณะหรือสถาบันที่ได้รับรองจากหน่วยงานทางราชการ
- ผู้มีอำนาจอนุญาตลา
: อธิบดี อนุญาตให้ลาได้ 6 เดือน
: ปลัดกระทรวง อนุญาตให้ลาได้ 12 เดือน
- ข้าราชการได้รับอนุญาตให้ลาแล้ว หากประสงค์จะยกเลิกวันลาที่ยังไม่ได้หยุดราชการ ให้เสนอขอถอนวันลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจนถึงผู้มีอำนาจอนุญาต และให้ถือว่าการลาเป็นอันหมดเขตเพียงวันที่ขอถอนวันลานั้น
- สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ของพนักงานราชการ
- สวัสดิการและสิทธิประโยชน์เกื้อกูลของลูกจ้าง
- ระเบียบว่าด้วยการจ่ายค่าจ้างลูกจ้างประจำของส่วนราชการ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2555
- ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยลูกจ้างประจำของส่วนราชการ พ.ศ.2537 ข้อ 9
ลาโดยได้รับค่าจ้างระหว่างลา ตามระเบียบว่าด้วยการจ่ายค่าจ้างลูกจ้างของส่วนราชการ พ.ศ.2526 ดังนี้
1. ลาป่วย ลาได้ปีหนึ่งไม่เกิน 8 วัน ในปีแรก และได้ไม่เกิน 15 วันในปีถัดปีซึ่งเป็นการจ้างต่อเนื่อง
2. ลาคลอดบุตร ในปีแรกที่ปฏิบัติไม่ครบ 7 เดือนไม่มีสิทธิ กรณีจ้างต่อเนื่องลาได้ปีหนึ่งไม่เกิน 90 วัน โดยมีสิทธิได้รับค่าจ้างจากส่วนราชการ 45 วัน และจากประกันสังคมอีก 45 วัน
3. ลาพักผ่อน ลาได้ 10 วันทำการ แต่ในปีแรกต้องปฏิบัติงานมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน
4. ลาเข้ารับการฝึกวิชาทหาร ให้ได้รับค่าจ้างไม่เกิน 2 เดือน
5. ลาเข้ารับการระดมพล ให้ได้รับค่าจ้างไม่เกิน 30 วัน
6. ลาไปรับการตรวจเลือก ให้ได้รับค่าจ้างระหว่างลาเท่าที่จำเป็น
- สิทธิประโยชน์ของพนักงานกระทรวงสาธารณสุขทั่วไป พ.ศ.2556