กลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ และคำแนะนำการเดินทางที่ปลอดภัย
สำหรับคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศ ในช่วงโควิด-19
กรมควบคุมโรค
วันที่ 15 ตุลาคม 2563
ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 ที่ผ่านมา ประเทศต่างๆ ทั่วโลกต่างเผชิญกับเหตุการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน พร้อมกับการปรับตัวให้สอดรับกับวิถีปกติใหม่(New normal) ไม่ว่าจะเป็นการใส่หน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่างทางสังคม หรือการตรวจคัดกรองอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าสถานที่ต่างๆ และในเชิงผลกระทบทางเศรษฐกิจอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวถือได้ว่าเป็นภาคส่วนสำคัญที่สร้างรายได้ให้กับประเทศต่างๆ ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างมากจากการปิดประเทศ การงดให้บริการของสายการบิน โดยที่กลุ่มนักเดินทางไทยรอคอยโอกาสที่ประเทศต่างๆ จะกลับมาเปิดให้มี การเดินทางได้อีกครั้งโดยเฉพาะในประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำและสามารถบริหารจัดการควบคุมการระบาด ของโรคโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น สาธารณรัฐประชาชนจีน (ซึ่งมี 22 มณฑล ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศเกินกว่า 100 วัน, ข้อมูล ณ วันที่ 24 กันยายน 2563) ฮ่องกง ไต้หวัน นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันมีหลายประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำเช่นเดียวกับประเทศไทย ได้มีมาตรการเปิดรับนักเดินทางที่มาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ และนักเดินทางชาวไทยเป็นที่ต้อนรับของหลายประเทศ เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขและประชาชนชาวไทยมีความร่วมมือร่วมใจในการควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นการควบคุมโรคและการระบาดที่แสดงถึงความตระหนักและความรับผิดชอบ ต่อสังคมที่ชัดเจนของผู้คนในประเทศไทย โดยมีอาสาสมัครสาธารณสุขเป็นกลไกสำคัญ
กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค จึงได้จัดทำข้อมูลกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ และคำแนะนำการเดินทางที่ปลอดภัยสำหรับคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศในช่วงโควิด-19 เพื่อให้ผู้เดินทางเข้าใจถึงค่ามาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขนำมาใช้วิเคราะห์ความเสี่ยงของประเทศ สำหรับประกอบการตัดสินใจในการเดินทาง รวมทั้งการเตรียมความพร้อมก่อน ระหว่าง และหลังการเดินทาง ซึ่งจะช่วยให้ปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้อง ลดความเสี่ยงในการสัมผัสโรค และสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางที่ปลอดภัยให้กับผู้เดินทาง
กลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ
ค่ามาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขนำมาใช้วิเคราะห์ และระบุประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อิงข้อมูลจาก Global advisory council ซึ่งจัดทำ Global Covid 19 Index (GCI) ดำเนินการโดย PEMANDU Associates โดยความร่วมมือของกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (MOSTI) ประเทศมาเลเซีย และกลุ่ม Sunway ซึ่งได้ใช้ระบบการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big data) นำมาให้ค่าคะแนน และจัดอันดับ 184 ประเทศ ในประเด็นการรับมือกับโรคโควิด-19 ได้ดีมากน้อยเพียงไร โดยค่าดัชนี Global COVID-19 Index (GCI) ของแต่ละประเทศเฉพาะมิติ Global Recovery Index เป็นค่าดัชนีที่แสดงถึงการฟื้นตัวของแต่ละประเทศจากสถานการณ์ของโรคโควิด-19 หากคะแนนสูง หมายถึง ฟื้นตัวได้ดี โดยประมวลผลจาก
- คะแนน 70% มาจากตัวชี้วัด 4 ด้าน ได้แก่ 1) จำนวนผู้ติดเชื้อที่ยังดูแลอยู่ (active case) ต่อประชากร 2) ผู้ที่รักษาหายแล้วต่อผู้ติดเชื้อ 3) จำนวนการตรวจต่อจำนวนผู้ติดเชื้อ และ 4) จำนวนการตรวจต่อประชากร
- คะแนนอีก 30% เป็นคะแนนคงที่ที่ได้มาจากดัชนีความมั่นคงด้านสุขภาพโลก (The Global Health Security Index: GHS) ที่ประเมินโดยมหาวิทยาลัย Johns Hopkins University ประเทศสหรัฐอเมริกาใน 3 หมวดหมู่ คือ 1) ความสามารถในการตรวจพบและรายงานการติดเชื้อ 2) ความสามารถในการตอบสนองอย่างรวดเร็วในการควบคุมโรค และ 3) ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานทางสาธารณสุข ในการรักษาผู้ติดเชื้อ และดูแลบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข หรือความสามารถของประเทศที่ใช้ผลการประเมินสมรรถนะตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ.2548 เช่น ผลการประเมินโดยผู้ประเมินจากภายนอกประเทศร่วมกับผู้ประเมินในประเทศ (Joint External Evaluation Tool - International Health Regulations (2005) : JEE- IHR) โดยเฉพาะในส่วนการตรวจจับ ได้แก่ 1) ระบบห้องปฏิบัติการของประเทศ 2) การเฝ้าระวังโรคแบบเรียลไทม์ 3) การรายงาน 4) การพัฒนากำลังคน และการตอบโต้ ได้แก่ 1) การเตรียมความพร้อม 2) ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน 3) การประสานงานระหว่างหน่วยงานสาธารณสุขกับหน่วยงานความมั่นคง 4) การส่งและรับความช่วยเหลือด้านยา เครื่องมือแพทย์ และบุคลากรทางแพทย์ และ 5) การสื่อสารความเสี่ยงในการพิจารณาการประเมินความเสี่ยง ระยะเวลาในการตรวจสอบข้อมูล รวมไปถึงการสื่อสาร และการจัดการความเสี่ยงเพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพผู้เดินทาง นำคุณลักษณะทั้ง 2 ส่วน ดังกล่าวมาวิเคราะห์เพื่อระบุค่า GCI
จากการใช้ค่ามาตรฐานตาม GCI ในมิติ Global Recovery Index พบว่า ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ฮ่องกง ไต้หวัน นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย มีค่า GCI > 60 และพบจำนวนผู้ป่วย < 50 ราย (ข้อมูลถึง 1 ตุลาคม 2563) จึงถือเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ และปลอดภัยต่อการเดินทางของคนไทยที่มีกิจธุระหรือภารกิจต่างๆ โดยมีข้อมูลสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของทั้ง 5 ประเทศ และจำนวนผู้เดินทางจากประเทศดังกล่าวที่เข้ามา ในราชอาณาจักรไทยและตรวจพบเชื้อขณะเข้ารับการกักตัวในสถานที่กักกันที่ราชการกำหนด ซึ่งพบว่าสอดคล้องกัน คือ พบผู้เดินทางจากประเทศความเสี่ยงต่ำ มีอัตราการติดเชื้อในผู้เดินทางจากประเทศดังกล่าว ที่ตรวจพบตามมาตรการสาธารณสุขของผู้ถูกกักกัน ดังรายละเอียด ในตารางที่ 1 และ 2
ตารางที่ 1 สถิติที่สำคัญของประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ 5 ประเทศ
ประเทศ | ผู้ติดเชื้อรายใหม่ | ผู้ติดเชื้อที่ดูแลอยู่ | ผู้ที่รักษาหาย | ผู้เสียชีวิต | ผู้ป่วยทั้งหมด | จำนวน |
สาธารณรัฐ | 11 | 240 | 80,748 | 4,634 | 85,622 | 1,439,323,766 |
ฮ่องกง | 8 | 165 | 4,932 | 105 | 5,202 | 7,513,995 |
ไต้หวัน | 1 | 32 | 491 | 7 | 530 | 23,828,949 |
นิวซีแลนด์ | 2 | 40 | 1,809 | 25 | 1,876 | 5,002,100 |
ออสเตรเลีย | 16 | 1,406 | 25,047 | 904 | 27,357 | 24,582,199 |
แหล่งที่มา : http://www.worldometers.info (ข้อมูล ณ 15 ตุลาคม 2563, 10.00 น.)
ตารางที่ 2 สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในสถานที่กักกันที่ราชการกำหนดของประเทศไทย
ประเทศต้นทาง | จำนวนผู้เดินทางเข้าสะสม (คน) | จำนวนผู้ติดเชื้อ | สัดส่วนผู้ป่วยต่อทั้งหมด (ร้อยละ) | อัตราการติดเชื้อของแต่ละประเทศ |
สาธารณรัฐประชาชนจีน | 2,426 | 1 | 0.14 | 0.04 |
ฮ่องกง | 1,883 | 9 | 1.24 | 0.48 |
ไต้หวัน | 5,581 | 2 | 0.28 | 0.04 |
นิวซีแลนด์ | 827 | 0 | 0.00 | 0.00 |
ออสเตรเลีย | 3,906 | 4 | 0.55 | 0.10 |
แหล่งที่มา : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (ข้อมูล ณ 15 ตุลาคม 2563)
วันที่ 15 ตุลาคม 2563 ประเทศจีน พบผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 11 ราย ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ โดยตั้งแต่ วันที่ 23 มกราคม – 15 ตุลาคม 2563 มีผู้ป่วยสะสม จำนวน 85,622 ราย รักษาหาย จำนวน 80,748 ราย และเสียชีวิต จำนวน 4,634 ราย ซึ่งพบผู้ป่วยสูงสุดในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์และช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์มีผู้ป่วยลดลงเรื่อยๆ (ข้อมูล ณ วันที่ 15 ตุลาคม 2563)
แหล่งที่มา : http://www.worldometers.info (ข้อมูล ณ 15 ตุลาคม 2563, 10.00 น.)
มาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ของสาธารณรัฐประชาชนจีน
มาตรการผ่อนปรนของสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้อำนวยความสะดวกในการเดินทางเพื่อวัตถุประสงค์ด้านธุรกิจเป็นกลุ่มแรก โดยมีข้อกำหนดให้ผู้โดยสารสามารถเดินทางเข้าสาธารณรัฐประชาชนจีนณ กรุงปักกิ่ง และต้องแสดงผลตรวจโรคโควิด-19 ที่เป็นลบก่อนขึ้นเครื่องบิน และจะต้องเข้ารับการกักตัว ในสถานที่ที่หน่วยงานรัฐบาลกลางกำหนด เป็นเวลา 14 วัน รวมทั้งการตรวจหาเชื้อ SARS-CoV-2 ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจาก http://www.chinaembassy.or.th/th/ หรือ https://thaiembbeij.org/th/
วันที่ 15 ตุลาคม 2563 ฮ่องกง พบผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 8 ราย โดยตั้งแต่ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ –15 ตุลาคม 2563 มีผู้ป่วยสะสม จำนวน 5,202 ราย รักษาหาย จำนวน 4,932 ราย และเสียชีวิต จำนวน 105 ราย ฮ่องกงผ่านการะบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกที่สอง ซึ่งการระบาดระลอกที่หนึ่งเกิดขึ้น ในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน และเกิดระบาดระลอกที่สอง ช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม (ข้อมูล ณ วันที่ 15 ตุลาคม 2563)
แหล่งที่มา : http://www.worldometers.info (ข้อมูล ณ 15 ตุลาคม 2563, 10.00 น.)
มาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ของฮ่องกง
มีการจำกัดประเภทของผู้เดินทาง เช่น ผู้เดินทางชาวฮ่องกง คู่สมรสและบุตรของชาวฮ่องกง ผู้โดยสารที่ถือวีซ่าเข้าใหม่เพื่อทำงาน ศึกษา จัดตั้งหรือเข้าร่วมในธุรกิจ หรือเพื่อพำนักในฮ่องกง ผู้เดินทางทุกคน ที่เดินทางมาถึงฮ่องกงจะต้องได้รับการตรวจหาเชื้อ SARS-CoV-2 โดยเก็บตัวอย่างน้ำลาย และรอผลการตรวจในวันเดียวกันก่อนที่จะดำเนินการตรวจคนเข้าเมืองและรับสัมภาระ หรือหากไม่ได้รับผลการตรวจ ในวันเดียวกันจะถูกนำตัวไปที่ Holding Center for Test Result (HCTR) ในโรงแรมที่จัดไว้เพื่อรอผลการทดสอบ หากผลการทดสอบเป็นลบ ผู้เดินทางจะได้รับอนุญาตให้ออกจากสนามบิน หรือโรงแรม และเดินทางกลับบ้าน หรือไปยังสถานที่ที่กำหนดทันที เพื่อดำเนินการกักกันภาคบังคับ 14 วัน โดยศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก https://www.coronavirus.gov.hk/eng/inbound-travel.html
วันที่ 15 ตุลาคม 2563 ไต้หวัน พบผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 1 ราย โดยตั้งแต่ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ –15 ตุลาคม 2563 มีผู้ป่วยสะสม จำนวน 530 ราย รักษาหาย จำนวน 491 ราย และเสียชีวิต จำนวน 7 ราย ซึ่งพบผู้ป่วยสูงสุดในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน (ข้อมูล ณ วันที่ 15 ตุลาคม 2563)
แหล่งที่มา : http://www.worldometers.info (ข้อมูล ณ 15 ตุลาคม 2563, 10.00 น.)
มาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ของไต้หวัน
อนุญาตให้นักธุรกิจจากบางประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำเดินทางเข้าไต้หวันได้ โดยผู้ที่เดินต้องแสดงผลไม่พบเชื้อ SARS-CoV-2 ภายใน 3 วัน ก่อนการเดินทาง และยืนยันว่าได้รับเชิญมาจากบริษัทในไต้หวันทั้งนี้ ผู้ที่เดินทางเข้ามายังไต้หวันต้องทำการกักตัวเป็นเวลา 14 วัน แต่ระยะเวลาในการกักตัวอาจสั้นลงกว่านี้ได้ หากผู้ที่เดินทางเข้ามาจ่ายค่าตรวจหาเชื้อ SARS-CoV-2 และมีผลตรวจเป็นลบหรือไม่พบว่าติดเชื้อ โดยศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก https://www.boca.gov.tw/cp-220-5081-c06dc-2.html
วันที่ 15 ตุลาคม 2563 ประเทศนิวซีแลนด์ พบผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 2 ราย และผู้เสียชีวิตรายใหม่ โดยตั้งแต่ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 15 ตุลาคม 2563 มีผู้ป่วยสะสม จำนวน 1,876 ราย รักษาหาย จำนวน 1,809 ราย และเสียชีวิต 25 ราย ซึ่งพบผู้ป่วยสูงสุดในช่วงเดือนมีนาคม และลดลงเรื่อยๆ ตั้งแต่เดือนเมษายน (ข้อมูล ณ วันที่ 15 ตุลาคม 2563)
แหล่งที่มา : http://www.worldometers.info (ข้อมูล ณ 15 ตุลาคม 2563, 10.00 น.)
มาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ของประเทศนิวซีแลนด์
การเดินทางเข้าประเทศนิวซีแลนด์ได้กำหนดให้บุคคลบางกลุ่ม สามารถเดินทางเข้าประเทศได้ เช่น พลเมืองนิวซีแลนด์หรือผู้มีถิ่นที่อยู่ ผู้มีถิ่นที่อยู่ที่มีเงื่อนไขการเดินทางที่ถูกต้องตามกำหนด คู่ชีวิตหรือบุตรในอุปการะของพลเมืองนิวซีแลนด์หรือผู้มีถิ่นที่อยู่ โดยต้องมีเหตุผลสำคัญในการเดินทาง และได้รับอนุญาตเข้าประเทศจากทางการของประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งจะต้องกักกันในสถานที่กำหนดเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน เข้ารับการประเมินสุขภาพ และตรวจหาเชื้อ SARS-CoV-2 โดยศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก https://www.health.govt.nz/our-work/diseases-and-conditions/covid-19-novel-coronavirus/covid-19-health-advice-general-public/covid-19-self-isolation-close-contacts-and-travellers
15 ตุลาคม 2563 ประเทศออสเตรเลีย พบผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 16 ราย โดยตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ – 15 ตุลาคม 2563 มีผู้ป่วยสะสม จำนวน 27,357 ราย รักษาหาย จำนวน 25,047 ราย และเสียชีวิต จำนวน 904 ราย ออสเตรเลียผ่านการะบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกที่สองซึ่งการระบาดระลอกที่หนึ่งเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน และเกิดระบาดระลอกที่สอง ช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม (ข้อมูล ณ วันที่ 15 ตุลาคม 2563)
แหล่งที่มา : http://www.worldometers.info (ข้อมูล ณ 15 ตุลาคม 2563, 10.00 น.)
มาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ของประเทศออสเตรเลีย
เที่ยวบินเข้า-ออกประเทศออสเตรเลียมีจำนวนจำกัดจากประเทศที่ได้รับการยกเว้น และอนุญาตเฉพาะผู้เดินทางบางกลุ่ม การเดินทางด้วยเหตุผลที่น่าเห็นใจ และน่าสนใจ ไม่จำกัดเฉพาะความจำเป็นอันเนื่องมาจากความตายหรือความเจ็บป่วยขั้นวิกฤตของสมาชิกในครอบครัว โดยนักเดินทางต่างชาติและชาวออสเตรเลียที่เข้ามาในประเทศ ต้องกักกันเป็นเวลา 14 วัน ในสถานที่ที่กำหนด เช่น โรงแรมซึ่งออสเตรเลียได้มีข้อยกเว้นในการเปิดให้ชาวนิวซีแลนด์ สามารถเดินทางเข้าเฉพาะพื้นที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ แคนเบอร์รา และดินแดน Northern Territory ได้โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน และอยู่ระหว่างการหารือกับญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิก ในการผ่อนปรนข้อจำกัดการเดินทางหลังสถานการณ์ โควิด-19 ในออสเตรเลียดีขึ้นตามลำดับ ศึกษาเพิ่มเติมได้จาก https://covid19.homeaffairs.gov.au/travel-restrictions
คำแนะนำการเดินทางที่ปลอดภัยสำหรับคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศ ในช่วงโควิด-19
ในระยะนี้แนะนำให้เดินทางในกรณีที่มีความจำเป็นและมีภารกิจระยะสั้นเฉพาะในประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยมีคำแนะนำสำหรับผู้เดินทางเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการเดินทาง ระหว่างพำนักอยู่ในต่างประเทศ และหลังการเดินทางกลับ ดังนี้