สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 สงขลา
Responsive image

สคร.7 ขอนแก่น แนะผู้ปกครองสังเกตอาการบุตรหลานใกล้ชิด หากสงสัยป่วยด้วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV) ควรแยกเด็กป่วยทันที

สคร.7 ขอนแก่น แนะผู้ปกครองสังเกตอาการบุตรหลานใกล้ชิด หากสงสัยป่วยด้วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV) ควรแยกเด็กป่วยทันที

           กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกคำเตือนถึงผู้ปกครองให้หมั่นสังเกตอาการบุตรหลานอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ให้ระวังป่วยด้วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV) โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว ซึ่งหลายพื้นที่เริ่มมีอากาศหนาวเย็น อาจทำให้เด็กเจ็บป่วยและติดเชื้อได้ง่ายขึ้น แนะวิธีป้องกัน คือ สอนให้เด็กหมั่นล้างมือบ่อยๆ ไม่ใช้แก้วน้ำร่วมกับผู้อื่น สถานเลี้ยงเด็กเล็ก เด็กก่อนวัยเรียนควรคัดกรองอาการเจ็บป่วยเด็กทุกคนก่อนเข้าห้องเรียนทุกเช้า ผู้ปกครองหมั่นสังเกตอาการเด็กอย่างใกล้ชิด หากมีอาการเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ควรให้หยุดเรียนทันที และรีบพบแพทย์

            จากการเปิดเผยของ นายแพทย์ธีรวัฒน์ วลัยเสถียร ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น กล่าวถึงกรณีที่มีสื่อเผยแพร่ข่าวกรณีพบเด็กป่วยจำนวนมากจากการติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี(RSV)   ทั้งนี้เนื่องจากในช่วงปลายฝนถึงต้นฤดูหนาวนี้ ทำให้มีเด็กป่วยด้วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจจาก เชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV) ได้มากขึ้น ซึ่งไวรัส RSV คือเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ที่ก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจได้ทั้งส่วนบนและส่วนล่าง ทำให้ร่างกายผลิตเสมหะออกมาจำนวนมาก ซึ่งเชื้อไวรัสชนิดนี้มีมานานแล้ว แต่ปัจจุบันเริ่มมาเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นเนื่องจากเชื้อไวรัสชนิดนี้ มักจะก่อให้เกิดอาการรุนแรงในเด็กเล็ก  ทั้งเด็กและผู้ใหญ่สามารถติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้ หากเกิดในผู้ใหญ่หรือเด็กโตที่มีสุขภาพแข็งแรง อาการป่วยจะหายได้เอง แต่ถ้าหากเกิดในเด็กเล็กๆที่ภูมิคุ้มกันยังต่ำ อาจทำให้มีอาการรุนแรง โดยเฉพาะเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 5 ขวบ เชื้อไวรัส RSV เป็นเชื้อไวรัสที่มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อม มักติดต่อผ่านทางการ ไอ จาม รวมถึงการสัมผัสโดยตรงจากสารคัดหลั่ง ไม่ว่าจะเป็นน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ ปัจจุบันเปอร์เซ็นต์การเสียชีวิตของเด็กที่ติดเชื้อไวรัส RSV โดยตรงนั้นน้อยมาก เพราะไวรัส RSV ไม่ใช่เชื้อโรคที่ร้ายแรง  แต่สาเหตุการเสียชีวิตส่วนใหญ่มักมาจากการเกิดภาวะแทรกซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็กมากๆ หรือเด็กที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคปอด เด็กที่คลอดก่อนกำหนด และมีภูมิคุ้มกันต่ำ อาจจะเกิดภาวะรุนแรงถึงขั้นการหายใจล้มเหลว ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ หรือเสียชีวิตได้ 

          โรคติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV) จะแสดงอาการหลังสัมผัสถูกเชื้อไวรัสในระยะเวลา 4-6 วัน และเมื่อป่วยจะสามารถแพร่กระจายเชื้อได้นาน 3-8 วัน อาการโดยทั่วไปอาจจะเหมือนไข้หวัดธรรมดา แต่อาการจำเพาะที่มักพบในเด็กเล็ก คือ หลอดลมฝอยอักเสบ โดยเริ่มแรกจะมีอาการเพียงเล็กน้อย เช่น ไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ จนถึงอาการรุนแรง เช่น หายใจหอบเหนื่อย อกบุ๋ม ได้ยินเสียงปอดผิดปกติ เสียงหายใจมีเสียงหวีด รับประทานอาหารได้น้อย และซึมลง การรักษาส่วนใหญ่เป็นการรักษาตามอาการ ซึ่งโรคนี้สามารถพบได้ในผู้ป่วยทุกกลุ่มอายุ แต่อาการจะรุนแรงในเด็กเล็ก เด็กที่คลอดก่อนกำหนด  ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรค แต่สามารถปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส ด้วยการสร้างสุขลักษณะที่ดีได้แก่ ล้างมือบ่อยๆด้วยสบู่และน้ำสะอาด และควรสอนให้เด็กๆล้างมืออย่างถูกต้อง แยกของใช้ส่วนตัวไม่ใช้แก้วน้ำร่วมกับผู้อื่น ผู้ปกครองควรหลีกเลี่ยงการนำเด็กไปในสถานที่ที่ผู้คนหนาแน่น ส่วนเด็กที่มีอาการป่วยไม่รุนแรงผู้ปกครองสามารถดูแลได้ที่บ้าน ก็ควรงดการออกนอกบ้านในช่วงที่ไม่สบาย เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อไปยังผู้อื่น และควรปิดปากปิดจมูกเวลาไอจามด้วยหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย ทำความสะอาดบ้าน รวมทั้งของเล่นเด็กเป็นประจำ ให้เด็กได้ดื่มน้ำ หรือดื่มนมมากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองขอให้สังเกตอาการบุตรหลานอย่างใกล้ชิด เมื่อมีอาการป่วยเป็นไข้หวัด ควรแยกเด็กออกจากเด็กปกติ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อและพาไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาต่อไป ส่วนในเด็กโตและผู้ใหญ่อาการจะดีขึ้นหลังได้รับการรักษา 1-2 สัปดาห์   สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

 

**********************

ข้อมูลจาก: กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค/อ. พญ.โสภิดา บุญสาธร

เผยแพร่ : กลุ่มสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ

สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น

ศูนย์รับข้อร้องเรียนสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จ.ขอนแก่น

หมายเลข ๐๔๓-๒๒๒๘๑๘-๙ ต่อ ๖๑๑

https://ddc.moph.go.th/odpc7/index.php

 

 


ข่าวสารอื่นๆ