แพทย์หญิงเสาวนีย์ วิบุลสันติ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ กล่าวว่า ในช่วงนี้สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคที่มีการติดเชื้อใน ระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน จะมีอาการที่คล้ายไข้หวัด แต่จะมีอาการรุนแรงมากกว่า และสามารถเกิดภาวะแทรกซ้อน หรือทำให้ผู้ป่วยบางรายเสียชีวิตได้ โดยกลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวัง ได้แก่ เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี ผู้มีโรคเรื้อรัง บุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคอ้วน ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค ได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ,หอบหืด ,หัวใจ ,หลอดเลือดสมอง,ไตวาย ,เบาหวาน ,ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ และสตรีมีครรภ์

      แพทย์หญิงเสาวนีย์ กล่าวต่อว่า โรคไข้หวัดใหญ่ สามารถแพร่เชื้อติดต่อกันได้ แพร่กระจายโดยการสัมผัสละอองฝอยจากการไอ และการจามของผู้ป่วย เชื้อไวรัสจะอยู่ในเสมหะ น้ำมูก และน้ำลาย โดยบางรายอาการจะเริ่มหลังได้รับเชื้อ 1 - 4 วัน ผู้ป่วยจะมีไข้แบบทันทีทันใด อาการ จะมีไข้สูงเฉียบพลัน เช่น ตอนเช้ายังมีอาการปกติ พอตกบ่ายมีอาการไข้สูง หนาวสั่น ปวดเมื่อตามตัวและกล้ามเนื้อมาก น้ำมูกใส คัดจมูก เจ็บคอ ไอแห้ง ท้องเสียและอาเจียน ทั้งนี้ประชาชนสามารถป้องกันตนเองได้ง่ายๆ ด้วยการ “ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด” ปิด  ปิดปาก ปิดจมูก เมื่อไอ จามโดยใช้ผ้า หรือกระดาษทิชชู่ทุกครั้ง หากเจ็บป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่ควรใส่หน้ากากอนามัย  ล้าง ล้างมือ ก่อนรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ สัมผัสสิ่งสกปรก พื้นผิวประตู ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ หมั่นล้างมือทำความสะอาดมือ เลี่ยง เลี่ยงการติดโรค การสัมผัส การคลุกคลีใกล้ชิดผู้ป่วย หรือเข้าไปในพื้นที่แออัด พื้นที่ที่พบการระบาด ถ้าเลี่ยงไม่ได้ให้สวมหน้ากากอนามัย หยุด หยุดเมื่อป่วยควรหยุดเรียน หยุดงาน หยุดกิจกรรมในสถานที่แออัด แม้ว่าผู้ป่วยมีอาการไม่มาก ควรหยุดพักรักษาตัวอยู่บ้านจนกว่าจะหายดี

 

ดาวน์โหลดเอกสารเพิ่มเติม : เอกสาร

---