สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่
Responsive image

สคร. 1 เชียงใหม่ แนะผู้ปกครองหมั่นดูแลสุขอนามัยบุตรหลาน ป้องกันโรคไข้อีดำอีแดง

สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ แนะผู้ปกครองหมั่นดูแลสุขอนามัยบุตรหลานอย่างสม่ำเสมอ และสังเกตอาการ เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรคไข้อีดำอีแดง

         แพทย์หญิงเสาวนีย์ วิบุลสันติ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ กล่าว ว่า โรคไข้อีดำอีแดง พบได้บ่อยในเด็กช่วงอายุ 5 - 15 ปี เชื้อนี้สามารถติดต่อได้ง่าย ผ่านทางการไอ จาม สัมผัสสารคัดหลั่ง หรือใช้ของร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ ช้อน หรือผ้าเช็ดหน้า กลุ่มที่ต้องระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ เด็กในวัยเรียน ผู้ที่อยู่ในสถานที่แออัด อาการของโรคไข้อีดำอีแดง คือ ไข้สูง เจ็บคอ ต่อมทอนซิลบวมแดง มีจุดหนอง หรือฝ้าขาวบริเวณทอนซิล และมีผื่นแดงคล้ายกระดาษทราย ขึ้นตามลำตัวแล้วกระจายไปแขนขา ผิวแดงคล้ายถูกแดดเผา แต่บริเวณรอบปากจะซีด และมีลิ้นแดงคล้ายผลสตรอเบอร์รี่ บางรายอาจมีอาการปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน หรือปวดท้องร่วมด้วย การรักษาจำเป็นต้องได้รับยาปฏิชีวนะที่เหมาะสม เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น เช่น ไตอักเสบ หรือไข้รูห์มาติก โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายเป็นปกติภายใน 7 - 10 วัน หลังได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ เน้นย้ำต้องรับประทานยาปฏิชีวนะให้ครบตามกำหนด แม้ว่าอาการจะดีขึ้น หากรับประทานยาไม่ครบกำหนดอาจทำให้เชื้อยังหลงเหลืออยู่ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง เช่น โรคหัวใจรูห์มาติก หรือไตอักเสบ นอกจากนี้ ผู้ปกครองควรหมั่นสังเกตอาการของเด็กต่อไปอีกประมาณ 2 - 3 สัปดาห์หลังจากการรักษา เพื่อเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น หากพบเด็กมีอาการตัวบวม ปัสสาวะออกน้อยลง หรือปัสสาวะมีสีแดงผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของภาวะไตอักเสบ หรือหากมีอาการเหนื่อยง่าย หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจ ควรรีบนำเด็กไปพบแพทย์ทันที
         ทั้งนี้ โรคไข้อีดำอีแดง เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียสเตร็ปโตคอคคัสกลุ่มเอ (Group A Streptococcus) โรคนี้ไม่สามารถหายได้เอง ต้องเข้ารับการรักษา และมีภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายได้

ดาวน์โหลดเอกสารเพิ่มเติม : เอกสาร

ข่าวสารอื่นๆ