สคร.6 แนะ รู้ทัน ป้องกัน โรคและภัยสุขภาพ ฤดูหนาว
เริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว จึงได้มีการออกประกาศป้องกันโรคและภัยสุขภาพในช่วงฤดูหนาวปีนี้ เน้นดูแลสุขภาพและป้องกันตนเอง จาก 3 โรคติดต่อ และ 1 ภัยสุขภาพที่สำคัญ เพื่อป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดของโรคต่างๆ ลดการเจ็บป่วยและเสียชีวิต
แพทย์หญิงลานทิพย์ เหราบัตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าในช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยจะเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว ที่ผ่านมาเริ่มมีมวลอากาศเย็นลงมาทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน รวมถึงภาคกลางและภาคตะวันออก กรมควบคุมโรคมีความห่วงใยสุขภาพของประชาชนในช่วงฤดูหนาว ซึ่งอากาศที่หนาวเย็นอาจทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยได้ง่าย จึงได้ออกประกาศกรมควบคุมโรค เรื่องการป้องกันโรคและภัยสุขภาพที่เกิดในช่วงฤดูหนาวของประเทศไทย พ.ศ.2568 โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้ 1.โรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ (โรคไข้หวัดใหญ่ โรคปอดอักเสบ โรคติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID19) ) 2.โรคติดต่อทางเดินอาหารและน้ำ (โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน) 3.โรคติดต่อนำโดยแมลง (โรคไข้รากสาดใหญ่ หรือโรคสครับไทฟัส โรคไข้มาลาเรีย) 4.ภัยสุขภาพ (การเสียชีวิตที่เกี่ยวเนื่องจากภาวะ
อากาศหนาว การขาดอากาศหายใจและการสูดดมแก๊สพิษจากอุปกรณ์ที่ใช้เพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายจากเครื่องทำน้ำอุ่นแบบใช้ระบบแก๊ส)
กลุ่มที่ 1 โรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคไข้หวัดใหญ่ สามารถติดต่อจากการไอ จามรดกัน หรือสัมผัสสิ่งของที่มีเชื้อร่วมกัน หากได้รับเชื้อแล้วจะมีอาการไข้ ไอแห้งๆ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ เยี่อบุโพรงจมูกอักเสบและเจ็บคอ โรคปอดอักเสบ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อราบางชนิดที่ถุงลมปอดจากการหายใจหรือสัมผัสละอองฝอยจากน้ำมูก น้ำลายที่ปนเปื้อนเชื้อ จะมีอาการไข้ ไอ หายใจหอบเหนื่อย อาการดังกล่าวมักเป็นเฉียบพลัน และพบได้ในทุกกลุ่มอายุ แต่จะมีอาการรุนแรงในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องและมีโรคประจำตัว โรคติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี เกิดจากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ หรือวัตถุที่มีการปนเปื้อน อาการ มีน้ำมูก คัดจมูก กินได้น้อยลง ไอ จาม ไข้ หายใจมีเสียงหวีด จนถึงอาการรุนแรง โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID19) ติดต่อจากคนสู่คนผ่านระบบทางเดินหายใจได้โดยตรง ด้วยการหายใจเอาละอองฝอยของน้ำมูก หรือน้ำลายที่ผู้ป่วยปล่อยมาในอากาศขณะหายใจ พูด ไอ หรือจาม อาการ ไข้ ไอ และเจ็บคอ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ โดยทั้งสี่โรคนี้สามารถป้องกันได้ด้วยการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น และสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อออกนอกบ้าน หรือไปในสถานที่แออัด
กลุ่มที่ 2 โรคติดต่อทางเดินอาหารและน้ำ ได้แก่ โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน เกิดจากการรับประทานอาหารหรือน้ำที่ไม่สะอาด มีการปนเปื้อนเชื้อโรค จะมีอาการถ่ายเหลวมากกว่า 3 ครั้งขึ้นไปใน 1 วัน อาจมีไข้หรืออาเจียนร่วมด้วย ซึ่งสามารถป้องกันได้โดยการดูแลสุขอนามัย ดื่มน้ำสะอาดและรับประทานอาหารที่ปรุงสุกและสะอาด
กลุ่มที่ 3 โรคติดต่อนำโดยแมลง ได้แก่ โรคไข้รากสาดใหญ่ หรือโรคสครับไทฟัส เกิดจากพาหะนำโรค คือ ไรอ่อน โรคนี้สามารถติดต่อมาสู่คนได้โดยถูกไรอ่อนที่มีเชื้อกัด อาการ คือ ปวดศีรษะ มีใข้ หนาวสั่น ไอ ตาแดง คลื่นไส้อาเจียน ปวดเมื่อยอ่อนเพลีย มีผื่นแดงขนาดเล็ก และจะค่อยๆนูน หรือใหญ่ขึ้น และอาจจะพบแผลคล้ายบุหรี่จี้ แต่จะไม่ปวดและไม่คัน ผู้ป่วยบางรายอาจหายได้เอง แต่บางรายอาจเกิด ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น ปอดอักเสบ เยื่อหุ้มสมอง และสมองอักเสบ และอาจทำให้เสียชีวิตได้ ป้องกันโดยหลีกเลี่ยงเข้าพื้นที่แหล่งอาศัยของไรอ่อน หลีกเลี่ยงการนั่งหรือนอนบนพื้นดินหรือหญ้า อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายและสระผม ซักเสื้อผ้าด้วยผงซักฟอกเข้มข้นทันที โรคไข้มาลาเรีย เกิดจากถูกยุงก้นปล่องตัวเมียกัด อาการ มีไข้ ปวดศีรษะ แต่ไม่มีน้ำมูก ปวดเมื่อยตามตัวและกล้ามเนื้อ ป้องกันได้โดยนอนในมุ้งชุบสารเคมี (มุ้งชุบน้ำยา) ทายากันยุง ใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดแขนขาให้มิดชิด
กลุ่มที่ 4 ภัยสุขภาพ การเสียชีวิตที่เกี่ยวเนื่องจากภาวะอากาศหนาว โดยไม่ทราบสาเหตุ ส่วนใหญ่เกิดจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เนื่องจากไม่มีเครื่องนุ่งห่มหรือเครื่องห่มกันหนาวที่เพียงพอในพื้นที่อากาศหนาว และมีประวัติการดื่มสุราเป็นประจำ ดังนั้นควรเตรียมเครื่องนุ่งห่มกันหนาวให้พร้อมและเพียงพอ และงดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พร้อมทั้งดูแลร่างกายให้แข็งแรง การขาดอากาศหายใจและการสูดดมแก๊สพิษจากอุปกรณ์ที่ใช้เพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายจากเครื่องทำน้ำอุ่นแบบใช้ระบบแก๊ส ควรระมัดระวัง ควรเปิดพัดลมระบายอากาศหรือช่องระบายอากาศทุกครั้งเมื่อมีการใช้งาน ไม่ควรอาบน้ำเกิน 10 นาที ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ
ในกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ กลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้มีโรคประจำตัว
ข้อมูลโดย : กรมควบคุมโรค
ดาวน์โหลดเอกสารเพิ่มเติม : เอกสาร