สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จังหวัดชลบุรี
Responsive image

สคร.6 ชลบุรี แนะ โรคไข้หวัดนก รู้ทันป้องกันได้ ตื่นตัว....แต่ไม่ตื่นตระหนก

   สคร.6 ชลบุรี แนะ โรคไข้หวัดนก

รู้ทันป้องกันได้ ตื่นตัว....แต่ไม่ตื่นตระหนก

 

             ในช่วงนี้มีหลายปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการระบาดไข้หวัดนก โดยเฉพาะสายพันธุ์ H5N1 เนื่องจากหลายพื้นที่อากาศหนาวเย็น และเริ่มมีนก อพยพหนีสภาพอากาศหนาวจากต่างประเทศมาอยู่ไทย อาจนำเชื้อมาแพร่ได้ และยังพบผู้ป่วยในประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง จึงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

              แพทย์หญิงลานทิพย์ เหราบัตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จังหวัดชลบุรี กล่าวถึงโรคไข้หวัดนกว่า แม้ว่าประเทศไทยจะไม่พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดนกมาตั้งแต่ปี 2549 หรือเป็นเวลากว่า 18 ปีแล้ว โดยล่าสุดเดือนพฤจิกายน ปี 2568 จากกรณี ที่กระทรวงสาธารณสุขของกัมพูชา ออกมายืนยันพบผู้ป่วยจากโรคไข้หวัดนก ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.- 22 พ.ย. 2568 มีผู้เสียชีวิต 9 ราย จากจำนวนผู้ติดเชื้อ 18 ราย ของประเทศกัมพูชานั้น กรมควบคุมโรค ได้ติดตามสถานการณ์อย่างไกล้ชิด และสั่งการให้ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ยกระดับการตรวจคัดกรองโรคในผู้เดินทาง โดยทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่กักกันโรคปศุสัตว์ ที่ด่านกักกันสัตว์ พรมแดนระหว่างประเทศที่พบการระบาดของไข้หวัดนก รวมทั้งจังหวัดในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 6 ได้มีมาตรการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกในคน ปัจจุบันประเทศไทยและพื้นที่เขตสุขภาพที่ 6 ยังไม่พบรายงานผู้ป่วยจากโรคไข้หวัดนก

              โรคไข้หวัดนกเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ (Influenza A) ที่พบในสัตว์ปีก เชื้อไวรัสไข้หวัดนกมีหลายสายพันธุ์ สัตว์อาจแสดงอาการป่วยตั้งแต่ระดับเล็กน้อยไปจนถึงรุนแรงมากขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ (strain) ของเชื้อ สายพันธุ์ส่วนใหญ่ไม่ก่อให้เกิดโรคในคน แต่มีบางสายพันธุ์ที่สามารถติดต่อ และก่อโรคในคนได้ เช่น สายพันธุ์ H5N1 H7N7 และสายพันธุ์ H9N2 การติดเชื้อในคนอาจก่อให้เกิดอาการรุนแรง และถึงขั้นเสียชีวิต

                  ระยะฟักตัวและอาการ เชื้อไวรัสไข้หวัดนกมีระยะฟักตัวในคน เฉลี่ย 2-5 วัน แต่อาจยาวนานได้ถึง 17 วัน หลังจากนั้นผู้ป่วยจะแสดงอาการป่วยโดยเริ่มจาก มีไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลียมีน้ำมูก ไอ เจ็บคอ และอาจพบอาการท้องเสีย อาเจียน ปวดท้องได้จนถึงปอดอักเสบ ซึ่งอาจรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ สามารถติดต่อโดยตรงจากการสัมผัสสารคัดหลั่งของสัตว์ปีก จากน้ำมูก น้ำลาย รวมถึงมูลของสัตว์ปีก ซึ่งเชื้ออาจติดมากับมือและเข้าสู่ร่างกายทางเยื่อบุจมูก ตา และปาก หรือโดยทางอ้อมจากการหายใจเอาสารคัดหลั่งที่กระจายเป็นละอองฝอยในอากาศ การรักษา หากมีผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ และมีประวัติสัมผัสสัตว์ปีกที่ป่วยหรือตาย หรืออยู่ในพื้นที่ที่มีโรคไข้หวัดนกระบาดอยู่ต้องรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันทีเพราะต้องได้รับยาต้านไวรัสโดยเร็วที่สุดภายใน 48 ชั่วโมง หลังจากเริ่มมีไข้ รวมทั้งต้องได้รับยารักษาตามอาการ ภายใต้การรักษาดูแลใกล้ชิดจากแพทย์เท่านั้น

                  คำเตือนสำหรับผู้เลี้ยงไก่พื้นบ้านและไก่ชน ไม่ดูดน้ำมูกหรือเสลดของไก่ชน เพราะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค และระมัดระวังการอุ้มไก่ไม่ให้สัมผัสกับหน้า จมูก ปาก เพราะสัตว์ปีกอาจมีเชื้อแต่ไม่แสดงอาการจึงควรล้างมือหรือทำความสะอาดร่างกายด้วยน้ำและสบู่ทันทีทุกครั้งหลังจังจับต้อง

                   วิธีป้องกันโรคไข้หวัดนก 1. ล้างมือให้สะอาดกำจัดเชื้อโรคหมั่นล้างมือให้สะอาดบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำทันที่ทุกครั้งหลังจับต้องสัตว์ปีก หลังไอ จาม หลังเข้าห้องน้ำและก่อนรับประทานอาหาร 2. แยกสัตว์ปีกออกจากคน อย่าปนกับสัตว์ฝึกที่เลี้ยงในฟาร์มหรือตามบ้าน ต้องกั้นบริเวณที่เลี้ยงสัตว์ให้อยู่ไกลจากบริเวณที่พักอาศัยขอขอนเราให้มากที่สุด หรือบังไว้ ในกรบหรือเล้าให้เป็นสัดส่วน 3. แจ้งเจ้าหน้าที่ทันทีถ้ามีสัตว์ปีกป่วยตาย หากพบสัตว์ปีกป่วย ตาย หรือสงสัยเกี่ยวกับโรคไข้หวัดนกต้องทำอย่างไร? ให้รีบแจ้ง อสม. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ทันที และหากผู้ใกล้ชิดสัตว์ปีกดังกล่าวมีอาการไข้คล้ายโรคไข้หวัดไข้หวัดไห้รีบพบแพทย์ทันที 4. อย่าเสียดายให้รีบฝังอย่าเสียดายสัตว์ปีกที่ป่วย หรือตายโดยไม่ทราบสาเหตุอย่าจับด้วยมือเปล่า อย่าขายหรือนำมารับประทาน เพราะอาจติดเชื้อโรคได้โดยเฉพาะในขั้นตอนของการชำแหละและประกอบอาหาร จึงควรแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ฝังหรือเผาเพื่อทำลายอย่างถูกวิธีเท่านั้น

                   แพทย์หญิงลานทิพย์ เหราบัตย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีก พ่อค้าแม่ค้า และผู้บริโภคสัตว์ปีก หากมีการสัมผัสสัตว์ปีก ขอให้ยึดหลัก“เลือก หลีก ล้าง” เพื่อป้องกันเชื้อไข้หวัดนก เลือก : เลือกบริโภคเนื้อไก่หรือเป็ด และไข่ที่ปรุงสุก สะอาด เลี่ยง : หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือนำสัตว์ปีกที่ป่วย ซึ่งมีอาการหงอย ซึม ขนยุ่ง หรือป่วยตายมาประกอบเป็นอาหาร ล้าง : ล้าง มือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ โดยเฉพาะหลังจากสัมผัสสัตว์และสารคัดหลั่งของสัตว์ หากไปตลาดค้าสัตว์ปีก ผู้บริโภคควรเลือกซื้อสัตว์ปีกจากร้านที่สะอาด ปลอดภัย และมีทะเบียนการค้าสัตว์ปีกที่ออกโดยกรมปศุสัตว์ ทั้งนี้สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422 

ดาวน์โหลดเอกสารเพิ่มเติม : เอกสาร

ข่าวสารอื่นๆ