สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 ชลบุรี
Responsive image

สคร.6 ชลบุรี แนะ เทศกาลตรุษจีน กินดี สุขภาพดี ห่างไกลโรค

         สคร.6 ชลบุรี แนะ เทศกาลตรุษจีน กินดี สุขภาพดี ห่างไกลโรค  

             เทศกาลตรุษจีนถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของคนเชื้อสายจีนทั่วโลก รวมทั้งคนไทยเชื้อสายจีนในประเทศไทย หลังจากช่วงวันไหว้ของเทศกาลตรุษจีนแล้ว ชาวจีนหรือชาวไทยเชื้อสายจีนจะนิยมเดินทางท่องเที่ยวและขอพรจากญาติผู้ใหญ่หรือผู้ที่เคารพรัก ชาวจีนต่างเชื่อว่าวันเที่ยว เป็นวันแห่งสิริมงคล สคร.6 ชลบุรี มีความห่วงใยประชาชน แนะนำการสัมผัสสัตว์ปีกเพื่อนำมาจำหน่ายและประกอบอาหารเซ่นไหว้ สารเคมีจากการเผากระดาษเงิน กระดาษทอง อาหารจากวันไหว้ที่เก็บไว้นาน เสี่ยงป่วยจากโรคที่เกิดจากอาหาร และอุบัติเหตุระหว่างเดินทางท่องเที่ยว

           ถ้านึกถึงเครื่องเซ่นไหว้ เป็ด/ไก่ ถือได้ว่าเป็นสัตว์ปีกที่นิยมนำมาประกอบในพิธีไหว้บรรพบุรุษหรือไหว้เจ้า ทำให้มีการจำหน่ายเนื้อสัตว์ปีก  เป็นจำนวนมาก คำแนะนำสำหรับประชาชนในการเลือกบริโภคสัตว์ปีก ให้ยึดหลัก “เลือก หลีก ล้าง” ซึ่งมี 5 ประการ ดังนี้ 1.เลือกบริโภคเนื้อไก่/เป็ด และไข่ที่ปรุงสุกสะอาด 2.หากไปตลาดค้าสัตว์ปีกมีชีวิต ควรเลือกซื้อสัตว์ปีกจากร้านที่สะอาด ปลอดภัย และมีทะเบียนการค้าสัตว์ปีกมีชีวิตที่ออกโดยกรมปศุสัตว์ 3.หลีกเลี่ยงนำสัตว์ปีกที่ป่วย มีอาการหงอย ซึม ขนยุ่ง หรือป่วยตาย มาประกอบเป็นอาหาร  4.หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ปีกที่มีอาการป่วยหรือตาย และ 5.ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังสัมผัสสัตว์และสิ่งคัดหลั่งของสัตว์ นอกจากนี้ขอให้ประชาชนสำรวจตัวเองและคนรอบข้าง หากพบว่ามีอาการไข้ ปวดศีรษะ หนาวสั่น ไอ ปวดเมื่อยร่างกาย และเคยสัมผัสสัตว์ปีก ให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว พร้อมแจ้งประวัติสัมผัสสัตว์ปีก หรือประวัติการเดินทางไปยังสถานที่ที่มีการระบาดของโรค เพื่อรับการตรวจคัดกรอง และรับการรักษาที่ถูกต้อง

           อาหารที่ใช้ในการเซ่นไหว้โดยใช้เนื้อสัตว์ ซาแซ อาจเสี่ยงต่อการปนเปื้อนจากธูปที่มีการจุดในวันไหว้ หรือการเก็บไว้นานเสี่ยงต่อการบูดเสีย ซึ่งเกิดจากการปนเปื้อนเชื้อโรค ดังนั้น ก่อนรับประทานจึงควรตรวจดูกลิ่น สี รส หากเปลี่ยนไปจากเดิมมาก เช่น   สีเปลี่ยน มีกลิ่นบูด หรือรสเปรี้ยว  อย่ารับประทานโดยเด็ดขาด อาหารประเภทแห้ง ประเภทน้ำ อาทิ หมู เป็ด ไก่ ต้มหน่อไม้ ต้มผักกาดดอง ควรนำไปอุ่นร้อน เป็นเวลา 2–3 นาที  ทั้งนี้ ระยะเวลาในการอุ่นขึ้นอยู่กับขนาดของอาหาร ส่วนอาหารหวาน อาทิ ขนมเข่ง ขนมเทียน ควรนำไปอุ่นให้ร้อนโดยสังเกตจากน้ำในซึ้งนึ่งเดือด  หากต้องการเก็บไว้รับประทานในภายหลังให้เก็บรักษาที่อุณหภูมิต่ำกว่า 5 องศาเซลเซียส

           นอกจากนี้ อันตรายที่เกิดจากการเผากระดาษเงิน กระดาษทอง ธูป เทียน ซึ่งส่วนใหญ่มีส่วนผสมของสารเคมี เมื่อถูกความร้อน  ในขณะเผาหรือจุดไฟจะก่อให้เกิดไอระเหยของสารพิษ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพผู้จุดหรือผู้เผาและผู้ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง วิธีการป้องกันตนเองให้พ้นจากภัยสารเคมีจากการเผากระดาษเงิน-ทอง ธูป เทียน จึงควรเผานอกอาคารที่พักอาศัยและเผาทีละน้อย เพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของเขม่า  เถ้ากระดาษ และไม่ควรเผาขณะที่มีเด็กหรือมีผู้คนเดินผ่านไปมา ส่วนการป้องกันอันตรายจากธูป เทียน ควรเปิดประตู หน้าต่างทุกครั้ง รวมถึงเปิดพัดลมเพื่อช่วยระบายอากาศหรือควันธูปเทียน หลีกเลี่ยงการพักผ่อนนอนหลับในห้องและบริเวณที่มีการจุดธูปเทียน และเมื่อธูปเทียนดับแล้วควรทิ้งเวลาสักระยะหนึ่งก่อนเข้าไปใช้ห้องหรือบริเวณดังกล่าว      

             เทศกาลตรุษจีนยังเป็นช่วงที่ประชาชนมักเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนได้ ขอแนะนำให้มีการเตรียมรถและคนให้พร้อมก่อนการเดินทาง ดังนี้  1.วางแผนการเดินทาง ตรวจเช็คสภาพของรถให้พร้อมใช้งาน ทั้งลมยาง ไฟส่องสว่างและไฟเลี้ยว 2.ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด 3.คนขับต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ทานยาที่ทำให้ง่วง เช่น ยาลดน้ำมูก ยาภูมิแพ้ ยาแก้ไอ เป็นต้น  4.ขับรถด้วยความระมัดระวัง และลดความเร็วเมื่อต้องขับผ่านย่านชุมชนหรือสถานที่จัดงานตรุษจีนหรือหลีกเลี่ยงการสัญจรบริเวณสถานที่จัดงาน  5.คาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง ทุกที่นั่ง ทั้งคนขับและผู้โดยสารรถยนต์ 6.สวมหมวกนิรภัยทุกครั้งขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ทั้งคนขับและคนซ้อนท้าย และ 7.ไม่ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด และปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ตลอดช่วงวันเที่ยวของเทศกาลตรุษจีน

           เตือนประชาชนในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ ขอให้ยึดหลัก..”สุก ร้อน สะอาด..ป้องกันโรคอาหารเป็นพิษ" ขอให้ประชาชนอุ่นอาหารให้ร้อนก่อนรับประทานทุกครั้ง พร้อมทั้งล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ทุกครั้งก่อนและหลังรับประทานอาหาร ช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้ ขอให้ประชาชนระมัดระวัง การเดินทางมีสติตลอดการเดินทาง ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คาดเข็มขัดนิรภัยเสมอหากประชาชน มีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422     

อ้างอิงข้อมูล : กรมควบคุมโรค

 

                                                                            


ข่าวสารอื่นๆ