สำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศ
Responsive image

ความพึงพอใจของบุคลากรกรมควบคุมโรคต่อกระบวนการบริหารจัดการการเดินทางไปราชการชั่วคราว ณ ต่างประเทศของสำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศ

ความพึงพอใจของบุคลากรกรมควบคุมโรคต่อกระบวนการบริหารจัดการการเดินทางไปราชการชั่วคราว ณ ต่างประเทศของสำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศ     
Satisfaction of Department of Disease Control Officers with The Temporary Official Travel Abroad Process by The Office of International Cooperation
วรรณภรณ์ เก่งการณ์1, กมนชนก บุญสิทธิ์1, จิตรภาณุ ศรีเดช1, ธนวรรณ ประดับพลอย1, นภัสสร ตั้งทรงวุฒิกร1, เสาวพักตร์ ฮิ้นจ้อย2 1สำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศ กรมควบคุมโรค 2สำนักงานคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค

บทคัดย่อ
ความเป็นมา การเดินทางไปราชการต่างประเทศของบุคลากรในหน่วยงานภาครัฐโดยเฉพาะหน่วยงาน ด้านสาธารณสุข มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาองค์ความรู้ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และการสร้างความร่วมมือในระดับนานาชาติ สำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศมีภารกิจในการประสานจัดทำแผนการเดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราว โดยยึดหลักการดำเนินงานตามเกณฑ์คุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ (Public Sector Management Quality Award: PMQA) หมวด 3 ที่เน้นการให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเป็นศูนย์กลาง จึงได้ประเมินและเปรียบเทียบความพึงพอใจของกระบวนการบริหารจัดการการเดินทางไปราชการชั่วคราว ณ ต่างประเทศ และนำข้อมูลมาปรับปรุงและพัฒนากระบวนการดังกล่าวอย่างเป็นระบบ  

วิธีการศึกษา การศึกษาเชิงวิเคราะห์แบบภาคตัดขวาง (Cross-sectional analytic study) กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 166 คน ได้แก่ (1) ผู้จัดทำอนุมัติตัวบุคคลเพื่อเดินทางไปราชการต่างประเทศ จำนวน 36 คน (2) ผู้จัดทำโครงการงบประมาณรายจ่ายอื่น จำนวน 13 คน และ (3) ผู้เดินทางไปราชการ ณ ต่างประเทศ จำนวน 117 คน ได้มาจากการสุ่มตัวอย่างที่ไม่อาศัยความน่าจะเป็น (Non-Probability  Sampling) และแบบเฉพาะเจาะจง (purposive sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม จำนวน 3 ชุด แต่ละชุดมี 3 ด้าน ได้แก่ (1) ด้านกระบวนการ/แนวทางการปฏิบัติงาน (Standard Operating Procedures: SOP) (2) ด้านบุคลากรผู้ให้บริการ และ (3) ด้านการอำนวยความสะดวกและช่องทางการให้บริการ และข้อเสนอแนะ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ สถิติเชิงพรรณนา และวิเคราะห์ความสัมพันธ์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงอนุมาน (F-test, One-Way ANOVA, Scheffe)

ผลการศึกษา พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม มีอายุอยู่ในช่วง 31–40 ปี ร้อยละ 42.86 รองลงมาคือช่วงอายุ 51–60 ปี ร้อยละ 29.76 เป็นสายงานหลัก ร้อยละ 73.81 และสายงานสนับสนุน ร้อยละ 26.19 ผู้ตอบแบบสอบถามมีความพึงพอใจ (ภาพรวม) อยู่ในระดับมากทุกกลุ่ม เทียบระหว่างกลุ่ม กลุ่มผู้จัดทำโครงการงบประมาณรายจ่ายอื่นมีความพึงพอใจสูงสุดอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄= 4.62, S.D. = 0.51) รองลงมาคือกลุ่มผู้จัดทำอนุมัติตัวบุคคลอยู่ในระดับมาก (x̄ = 4.37, S.D. = 0.76) และกลุ่มผู้เดินทางไปราชการ อยู่ในระดับมาก (x̄ = 4.15, S.D. = 0.67) เทียบระหว่างด้าน พบว่า ด้านบุคลากรผู้ให้บริการได้รับความพึงพอใจสูงสุดในทุกกลุ่มอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ =4.57 S.D. = 0.51, x̄= 4.81 S.D = 0.33, x̄ = 4.04 S.D. = 0.83) รองลงมา ด้านการอำนวยความสะดวกอยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด (x̄= 3.97 − 4.52) และด้านกระบวนการ/แนวทางปฏิบัติ (SOP) อยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด (x̄= 3.99 − 4.50)

สรุปผลการศึกษา ผู้รับบริการจากทุกกลุ่มมีความพึงพอใจในระดับมาก โดยเฉพาะด้านบุคลากรสะท้อนความสามารถการให้บริการอย่างมืออาชีพและเป็นจุดแข็งของกระบวนการบริหารจัดการฯ สิ่งที่ควรพัฒนาเพิ่มเติม ได้แก่ ความรวดเร็วของกระบวนการอนุมัติ ความชัดเจนของข้อมูลขั้นตอนการปฏิบัติงาน และการเข้าถึงเครื่องมือบริการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกแก่ผู้รับบริการ 

คำสำคัญ : ความพึงพอใจ, กระบวนการไปราชการต่างประเทศ, ความร่วมมือระหว่างประเทศ, แนวทางปฏิบัติมาตรฐาน, การบริหารจัดการภาครัฐ
ติดต่อผู้นิพนธ์ : วรรณภรณ์ เก่งการณ์            อีเมล : [email protected]
 

ดาวน์โหลดเอกสาร
วารสารออนไลน์อื่นๆ