สคร.9 นครราชสีมา เตือนประชาชนอย่ากินเนื้อสัตว์ที่ไม่ผ่านการปรุงสุก และการชำแหละหรือสัมผัสสัตว์ที่ตายโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะโค กระบือ แพะ แกะ หากพบสัตว์ดังกล่าวแสดงอาการป่วยหรือตายผิดปกติ เช่น มีไข้สูง ไม่กินหญ้าแต่ยืนเคี้ยวเอื้อง มีเลือดปนน้ำลายไหลออกมา ยืนโซเซ หายใจลำบาก กล้ามเนื้อกระตุก ชัก แล้วตายในที่สุด ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือกำนัน ผู้ใหญ่บ้านทันที เพื่อป้องกันโรคแอนแทรกซ์
นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา กล่าวว่า โรคแอนแทรกซ์ เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ชื่อว่า Bacillus anthracis สามารถพบได้ทั่วไปในแหล่งธรรมชาติ เช่น ดิน น้ำ ซึ่งสปอร์ของเชื้อมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมทั้งร้อนและเย็น เชื้อยังสามารถก่อให้เกิดโรคได้แม้เวลาจะผ่านไปหลายสิบปี โดยเฉพาะในดินที่มีซากสัตว์ตายด้วยโรคแอนแทรกซ์ สัตว์พาหะส่วนใหญ่ที่พบ คือ โค กระบือ แพะ และแกะ อาการของสัตว์ที่ติดเชื้อ คือ มีไข้ ซึม ไม่กินอาหาร มีอาการเจ็บป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุและเสียชีวิต การติดเชื้อในคนส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสโดยตรงกับสัตว์ที่ติดเชื้อ เช่น การชำแหละเนื้อสัตว์ การบริโภคเนื้อสัตว์ดิบ หรือปรุงไม่สุก หรือการสัมผัสกับหนังสัตว์หรือขนสัตว์ที่มีสปอร์ของเชื้อ
โรคนี้ยังไม่มีรายงานการติดต่อจากคนสู่คน เชื้อสามารถแพร่ได้ 3 ทาง คือ 1. การสัมผัส จากการชำแหละสัตว์ที่ป่วยตายจากโรคนี้ ผู้ป่วยจะติดเชื้อโดยสปอร์ของเชื้อเข้าสู่บาดแผลและรอยถลอก จะเริ่มมีอาการป่วยหลังสัมผัสโรคประมาณ 1 - 7 วัน หรืออาจจะมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับตัวโรคและคนที่ได้รับเชื้อ รอยแผลเริ่มจากเป็นตุ่มที่ผิวหนัง ตามมาด้วยตุ่มน้ำใส และแตกออกกลายเป็นแผลหลุมสีดำ คล้ายบุหรี่จี้ หากไม่ได้รับการรักษาจะมีการลุกลามของเชื้อไปยังต่อมน้ำเหลือง และกระจายไปตามกระแสเลือดทำให้เกิดภาวะโลหิตเป็นพิษได้ 2. การรับประทาน หากรับประทานเนื้อสัตว์ป่วยที่ดิบหรือปรุงไม่สุก อาจจะติดเชื้อในทางเดินอาหาร มีอาการไข้สูง ไม่สบายท้อง คลื่นไส้ อาเจียน คล้ายกับอาการของอาหารเป็นพิษ ถ้าผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษา อาจติดเชื้อในกระแสเลือด ทำให้เสียชีวิตได้ และ 3. การหายใจ ซึ่งพบได้น้อยกว่า คือ การหายใจเอาสปอร์ของแอนแทรกซ์เข้าไป โดยเชื้อจะปนเปื้อนอยู่บริเวณที่สัตว์ป่วยหรือตาย สามารถฝังตัวอยู่ได้เป็นเดือนหรือเป็นปี ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ ปวดเมื่อยตามตัว ไอ หายใจลําบาก หน้าเขียวคล้ำ และเสียชีวิตจากอาการของระบบหายใจล้มเหลว
นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน กล่าวต่อไปว่า ขอให้ประชาชนระมัดระวังและสังเกตอาการสัตว์ที่เลี้ยง โดยเฉพาะโค กระบือ แพะ แกะ หากมีอาการป่วยผิดปกติ หรือสัตว์ตาย ไม่ควรชำแหละเนื้อ แต่ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์เพื่อเข้ามาตรวจสอบ หรือหากมีประวัติสัมผัสสัตว์และมีอาการป่วย ควรรีบมาพบแพทย์และแจ้งประวัติสัมผัส เช่น ชำแหละสัตว์ หรือการรับประทานเนื้อสัตว์ที่ไม่สุก สำหรับการป้องกัน คือ แนะนำให้ใส่ถุงมือในการชำแหละหรือปรุงเนื้อสัตว์ และล้างมือให้สะอาด จะช่วยลดการปนเปื้อนได้ ส่วนอาหารควรปรุงให้สุก จะทำให้ทำลายเชื้อแบคทีเรีย เลือกซื้อเนื้อสัตว์จากแหล่งที่เชื่อถือได้และได้มาตรฐาน หากพบอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ เนื่องจากโรคนี้สามารถรักษาหายได้โดยใช้ยาปฏิชีวนะ หรือกรณีสัมผัสและไม่มีอาการป่วย แพทย์จะมีการให้ยาในการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดอาการรุนแรง หากมีข้อสงสัย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
“ตรวจจับเร็ว ตอบโต้ทัน ป้องกันได้”
ดาวน์โหลดเอกสารเพิ่มเติม : เอกสาร