สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 จังหวัดนครราชสีมา
Responsive image

สคร.9 เตือน ฝุ่น PM2.5 ภัยเงียบคร่าชีวิต ป้องกันวันนี้ โดยยึดหลัก “หลีก ปิด ใช้ เลี่ยง ลด”

สคร.9 เตือน ฝุ่น PM2.5 ภัยเงียบคร่าชีวิต

ป้องกันวันนี้ โดยยึดหลัก “หลีก ปิด ใช้ เลี่ยง ลด”

 

            ฝุ่น PM 2.5 เป็นปัญหามลพิษทางอากาศที่สำคัญของประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีสาเหตุเกิดจากการเผาป่าและไฟป่า มลพิษ ควันจากท่อไอเสียของรถยนต์ โรงงานอุตสาหกรรม การก่อสร้าง ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพของประชาชนทั่วไปและประชาชนกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว สคร.9 นครราชสีมา แนะหลัก “หลีก ปิด ใช้ เลี่ยง ลด” เพื่อป้องกันฝุ่น PM 2.5

 

            นางอินท์ฉัตร สุขเกษม รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา กล่าวว่า ปัจจุบันฝุ่น PM 2.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วทั้งประเทศ และส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ 1.เด็กเล็ก คือ เด็กแรกเกิด - 5 ปี เนื่องจากระบบป้องกันและภูมิคุ้มกันของร่างกายยังพัฒนาได้ไม่ดีเหมือนผู้ใหญ่ 2.หญิงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะอายุครรภ์ 6 เดือนแรก อาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ที่กำลังพัฒนาอวัยวะต่างๆ ส่งผลกระทบในระยะยาว รวมถึงการคลอดก่อนกำหนด และทารกแรกคลอดมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ 3.ผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด โรคระบบทางเดินหายใจ และ 4.ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคภูมิแพ้ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคปอด โรคหอบหืด 5.ผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง เช่น พนักงานทำความสะอาดถนน คนขับขี่รถโดยสารสาธารณะ พนักงานส่งอาหาร /พัสดุ แม่ค้าหาบเร่แผงลอย เป็นต้น

ซึ่งผลกระทบของฝุ่น PM 2.5 จะเพิ่มระดับความรุนแรงต่อสุขภาพร่างกายของเรา จากการสะสมของฝุ่นละอองภายในปอดเป็นระยะเวลายาวนาน โดยระดับของอาการจะรุนแรงแตกต่างกัน ดังนี้

1.ไอ จามและภูมิแพ้: พบได้เมื่อมีฝุ่นละอองเข้าไปสะสมในโพรงจมูก ทำให้เกิดการระคายเคืองในจมูกและลำคอ มีเสมหะ ไอ จาม โดยเฉพาะผู้ที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้จะมีอาการภูมิแพ้กำเริบได้ง่ายกว่าคนทั่วไป

2.โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง: พบได้ในกรณีที่เป็นอาการไอต่อเนื่องนาน 3-8 สัปดาห์ขึ้นไป มีเสมหะเป็นสีขาว สีเหลือง หรือมีเลือดปน นอกจากนี้จะรู้สึกเหนื่อยเพิ่มมากขึ้น กระทบต่อการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน

3.โรคหลอดเลือดและหัวใจเรื้อรัง: พบได้ในกรณีที่ฝุ่นละอองเกิดการติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือด อาจทำให้เกิดการอุดตันในหลอดเลือดและผนังหัวใจ อาการที่พบคือ มีอาการเจ็บหน้าอก เหงื่อออก ใจสั่น เหนื่อยหรือแน่นขณะออกแรง ซึ่งอาจทำให้เป็นลม หมดสติ หรือเสียชีวิตได้

4.โรคปอดเรื้อรัง และมะเร็งปอด: พบได้ในกรณีที่สูดเอาฝุ่นละออง PM 2.5 สะสมเข้าไปเป็นระยะเวลานาน ทำให้มีอาการไอเรื้อรัง มีเสมหะมากหมดเรี่ยวแรง หายใจลำบาก เหนื่อยหอบ ซึ่งอาจรุนแรงและกลายเป็นเซลล์มะเร็งที่อาจลุกลามไปทั่วปอด เกิดเป็นโรคมะเร็งปอดได้

 

นางอินท์ฉัตร สุขเกษม ขอให้ประชาชนป้องกันตนเองจากฝุ่น PM 2.5 โดยยึดหลัก “หลีก ปิด ใช้ เลี่ยง ลด” คือ หลีก: หลีกเลี่ยงการสัมผัสฝุ่น โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ปิด: ประตูหน้าต่างให้มิดชิด ใช้: หน้ากากป้องกันฝุ่น PM 2.5 ทุกครั้งเมื่อออกนอกอาคาร เลี่ยง: การทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือการเข้าไปในสถานที่ที่มีฝุ่นละอองสูง เป็นเวลานาน (มากกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน) ลด: กิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่น เช่น จุดธูป เผากระดาษ เตาปิ้งย่างที่ทําให้เกิดควัน การเผาใบไม้ เผาขยะ เผาพืชผลทางการเกษตร รวมถึงการติดเครื่องยนต์ในบ้านเป็นเวลานาน ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนให้ติดตามข่าวสารตามช่องทางต่าง ๆ ของหน่วยงานสาธารณสุข หากมีอาการป่วยรุนแรงให้รีบพบแพทย์ทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

ดาวน์โหลดเอกสารเพิ่มเติม : เอกสาร

ข่าวสารอื่นๆ