สคร.9 นครราชสีมา เตือนเกษตรกร และประชาชนที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วม หรือผู้ที่ทำงานสัมผัสดินและน้ำโดยตรง ไม่ควรเดินลุยน้ำด้วยเท้าเปล่า หรือแช่น้ำเป็นเวลานานเพื่อป้องกันโรคเมลิออยด์ หรือโรคไข้ดิน ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ทั่วไปในดิน น้ำ นาข้าว แปลงผัก สวนยาง และบ่อน้ำ หากต้องทำงานสัมผัสกับดินและน้ำที่เปียกชื้นเป็นเวลานาน หรือมีบาดแผลขีดข่วน ควรสวมรองเท้าบูท สวมถุงมือยาง และกางเกงขายาว เพื่อป้องกัน เมื่อเสร็จภารกิจให้รีบอาบน้ำชำระร่างกายด้วยสบู่และน้ำสะอาดทันที หากมีไข้สูงติดต่อกันเกิน 2 วัน ควรรีบพบแพทย์
นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา กล่าวถึงโรคเมลิออยด์ หรือโรคไข้ดินว่า เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เบอร์โคเดอเรีย สูโดมัลลิอาย พบได้ทั่วไปในดิน ในแหล่งน้ำธรรมชาติ นาข้าว ท้องไร่ สวนยาง ทั่วทุกภาคในประเทศไทย ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เกษตรกร ทำนา ทำสวน จับปลา ลุยน้ำ ทำสวนยาง หรือลุยโคลน เชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ทาง คือ 1.ทางผิวหนัง โดยการสัมผัสน้ำและดินที่มีเชื้อปนเปื้อน 2.การกินหรือดื่มน้ำไม่สะอาด 3.ทางเดินหายใจ โดยการสูดดมละอองฝุ่นจากดินที่มีเชื้อ หลังติดเชื้อประมาณ 2-4 สัปดาห์ จะเริ่มมีอาการเจ็บป่วย แต่บางรายอาจนานเป็นปี ขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อที่ได้รับและภูมิต้านทานของแต่ละคน อาการของโรคนี้ไม่มีลักษณะเฉพาะ จะมีความหลากหลายคล้ายโรคติดเชื้ออื่นๆ หลายโรค เช่น มีไข้สูง ไอเรื้อรัง มีฝีที่ผิวหนัง ปวดท้อง มีอาการทางระบบทางเดินหายใจ อาจติดเชื้อเฉพาะที่ หากติดเชื้อในกระแสเลือด แล้วไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที มีโอกาสเสียชีวิตใน 1-3 วัน
สถานการณ์โรคเมลิออยด์ ในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 3 กันยายน 2567 พบผู้ป่วย 2,881 ราย เสียชีวิต 90 ราย จำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิต มีแนวโน้มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับ 5 ปีย้อนหลัง พบผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตทั่วประเทศไทยแต่จะพบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สถานการณ์โรคเมลิออยด์ ในเขตสุขภาพที่ 9 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 7 ตุลาคม 2567 พบผู้ป่วยโรคเมลิออยด์ จำนวน 387 ราย มีผู้เสียชีวิต 7 ราย แยกเป็นรายจังหวัด ดังนี้ 1) จังหวัดบุรีรัมย์ มีผู้ป่วย 189 รายเสียชีวิต 4 ราย 2) จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ป่วย 109 ราย เสียชีวิต 3 ราย 3) จังหวัดสุรินทร์ มีผู้ป่วย 54 ราย 4) จังหวัดชัยภูมิ มีผู้ป่วย 35 ราย กลุ่มอายุที่ป่วยมากที่สุดคือ กลุ่มอายุ 65 ปีขึ้นไป รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 55-64 ปี และ กลุ่มอายุ 45-54 ปี ตามลำดับ กลุ่มอาชีพที่ป่วยมากที่สุดคือ รับจ้างทั่วไป ชาวนาปลูกข้าว และเกษตรกรผู้ปลูกพืชไร่
นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน กล่าวต่อไปว่า ในการป้องกันโรคเมลิออยด์ หรือโรคไข้ดิน ควรปฏิบัติ ดังนี้
1.หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำย่ำโคลน หรือสัมผัสดินและน้ำโดยตรง หากจำเป็นหลังลุยน้ำ ย่ำโคลน ให้รีบชำระล้างร่างกายด้วยสบู่และสะอาดทันที
2.ทานอาหารปรุงสุก ดื่มน้ำสะอาดได้มาตรฐาน หรือน้ำต้มสุกทุกครั้ง
3.น้ำที่ใช้อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน ควรเป็นน้ำสะอาดที่มีระดับคลอรีนตามมาตรฐาน
4.หลีกเลี่ยงการสัมผัสลม ฝุ่น และการอยู่ท่ามกลางสายฝน
5.หากมีไข้สูงต่อเนื่อง 2 วัน ร่วมกับมีประวัติการสัมผัสดินและน้ำ ให้รีบพบแพทย์ทันที โดยเฉพาะเกษตรกรและผู้ป่วยโรคเบาหวาน
หากมีข้อสงสัย สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
ดาวน์โหลดเอกสารเพิ่มเติม : เอกสาร