สคร.9 นครราชสีมา มีความห่วงใยต่อสถานการณ์โควิด 19 เนื่องจากหลังเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมาโรคโควิด 19 มีแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม 608 ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว ขอให้ระมัดระวังตนเอง หากมีอาการสงสัยว่าป่วยควรปรึกษาแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้ใกล้เปิดเทอมจึงขอให้นักเรียนนักศึกษาป้องกันตนเองด้วยการล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงสถานที่แออัดที่มีคนรวมตัวจำนวนมาก หากเลี่ยงไม่ได้ควรสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการระบาดของโรคโควิด 19 เป็นกลุ่มก้อน

         นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา กล่าวว่า ในช่วงเปิดเทอมทำให้มีการรวมตัวของนักเรียน มีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำร่วมกัน มีการสัมผัสรวมถึงใช้สิ่งของร่วมกัน ความใกล้ชิดอาจทำให้เชื้อโรคโควิด 19 แพร่กระจายและติดต่อกันได้ง่าย ซึ่งโควิด 19 เพิ่มสูงขึ้นหลังเทศกาลสงกรานต์ และคาดว่าเมื่อถึงช่วงเปิดเทอมอาจทำให้การแพร่ระบาดของเชื้อเพิ่มสูงขึ้น สาเหตุที่ทำให้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น เนื่องจากส่วนใหญ่ผู้ป่วยมีอาการคล้ายไข้หวัด ทำให้ไม่ระวังป้องกันตนเอง ซึ่งปัจจุบันโรคโควิด 19 เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังตาม พรบ.โรคติดต่อ แต่ยังไม่มีรายงานการระบาดรุนแรง จากการติดตามเฝ้าระวังสายพันธุ์ที่กำลังระบาดในประเทศไทย ข้อมูลจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์พบว่า ยังคงเป็นสายพันธุ์รุ่นลูกของโอมิครอน โดยผู้ป่วยจะมีลักษณะอาการคล้ายหวัด เช่น ไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ มีน้ำมูก โดยยังไม่พบว่ามีระดับความรุนแรงของโรคเพิ่มขึ้นจากสายพันธุ์โอมิครอนเดิมในปีที่ผ่านมา

         สถานการณ์โรคโควิด 19 ในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 29 เมษายน 2567 พบผู้ป่วยที่รักษาในโรงพยาบาล รวม 11,265 ราย มีผู้เสียชีวิต สะสม 81 ราย ทั้งหมดอยู่ในกลุ่ม 608

       สถานการณ์โรคโควิด 19 ในเขตสุขภาพที่ 9 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 27 เมษายน 2567 พบผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล รวม 1,438 ราย มีผู้เสียชีวิต 1 ราย แยกเป็นรายจังหวัด ดังนี้ 1) จ.นครราชสีมา มีผู้ป่วย 711 ราย      2) จ.สุรินทร์ มีผู้ป่วย 335 ราย เสียชีวิต 1 ราย 3) จ.ชัยภูมิ มีผู้ป่วย 205 ราย 4) จ.บุรีรัมย์ มีผู้ป่วย 187 ราย

         นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา กล่าวต่อไปว่าในการป้องกันโควิด 19 ขอให้รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล และสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในสถานที่แออัดที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก เช่น ในการเดินทางสาธารณะ โรงพยาบาล และสถานที่ดูแลผู้สูงอายุ ล้างมือบ่อยๆ หากมีอาการคล้ายหวัด ควรตรวจ ATK ที่บ้าน และหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับกลุ่มเสี่ยง 608 ได้แก่ ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป และผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคอ้วน โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน หากผลตรวจเป็นบวก 2 ขีด ให้สวมหน้ากากเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อและพบแพทย์โดยเร็ว เมื่อมีอาการหายใจลำบาก หรือมีอาการคล้ายหวัด สำหรับกลุ่ม 608 และผลตรวจ ATK เป็นบวก 2 ขีด ควรสวมหน้ากากและรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษา เพื่อลดโอกาสในการเกิดอาการรุนแรง หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

ดาวน์โหลดเอกสารเพิ่มเติม : เอกสาร

---